Update Newsสังคมสิ่งแวดล้อม

เทสโก้ โลตัส จับมือจังหวัดลำพูน ปั้นประชารัฐ “ลำพูนโมเดล” ต้นแบบจังหวัดปลอดขยะอาหาร

9 ธันวาคม 2560 — เทสโก้ โลตัส ร่วมมือกับเทศบาลเมือง จังหวัดลำพูนในรูปแบบประชารัฐ เดินหน้าผลักดันโครงการลดขยะจากอาหาร เปิดตัว “ลำพูนโมเดล” ให้เป็นต้นแบบจังหวัดปลอดขยะจากอาหารจังหวัดแรกในประเทศไทย โดยจัดให้มีการแยกขยะอย่างเป็นระบบ และบริหารจัดการอาหารที่เหลือจากการจำหน่ายและรับประทาน เพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ยากไร้ ทำปุ๋ยอินทรีย์ และเลี้ยงปลา โดยหวังว่า “ลำพูนโมเดล” จะเป็นโมเดลนำร่องที่จังหวัดอื่นๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เพื่อลดปริมาณขยะอาหารของประเทศไทย ตามวาระประเทศไทยไร้ขยะ
    
นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “เทสโก้ โลตัส ได้ประกาศเจตนารมณ์เป็นผู้นำในการลดขยะจากอาหารเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 โดยได้ให้คำมั่นว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จะไม่มีการทิ้งอาหารที่ยังรับประทานได้จากไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้ง 24 สาขาในกรุงเทพมหานคร โดยจะบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวันให้กับมูลนิธิและองค์กรการกุศลเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ยากไร้ในชุมชนต่างๆ ซึ่งเราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนกำหนด จนถึงวันนี้เทสโก้ โลตัส ได้บริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดให้กับผู้ยากไร้แล้วรวมกว่า 1,050,000 มื้อ”

   
“นอกจากการบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมด และการพยายามลดปริมาณขยะจากอาหารภายในการดำเนินธุรกิจของเราเองแล้ว เทสโก้ โลตัส ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือและสนับสนุนชุมชนและองค์กรอื่นๆ ให้สามารถบริหารจัดการขยะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยลดปริมาณขยะจากอาหารในประเทศ จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับเทศบาลเมืองลำพูนภายใต้กรอบการทำงานแบบประชารัฐ เพื่อผลักดัน “ลำพูนโมเดล” ให้เป็นต้นแบบของจังหวัดปลอดขยะอาหาร ซึ่งทางจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นจังหวัดปลอดขยะเปียกแห่งแรกของประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายและอุดมการณ์เดียวกันกับเทสโก้ โลตัส จึงทำให้เกิดการร่วมมือกันครั้งนี้”
 
ปัจจุบัน เทสโก้ โลตัส มีร้านค้าในรูปแบบตลาด 2 แห่งในจังหวัดลำพูน ซึ่งทั้งสองสาขาได้เริ่มบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวันให้กับเทศบาลเพื่อนำไปเป็นอาหารปลาในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง 102 ไร่ นอกจากนั้น ยังได้มอบถังขยะเพื่อสนับสนุนการคัดแยกเศษผักและผลไม้อย่างเป็นระบบระเบียบให้กับตลาดสด 4 แห่ง ซึ่งมีปริมาณขยะจากอาหารเฉลี่ยวันละ 2,000 กิโลกรัม และถังขยะสำหรับแยกเศษอาหารให้กับ 11 โรงเรียนในเขตเทศบาล เพื่อรณรงค์ให้นักเรียนมีจิตสำนึกในการแยกขยะอย่างถูกต้อง


เทสโก้ โลตัส ได้ดำเนินโครงการลดขยะอาหารภายใต้กลยุทธ์ Farm to Fork ซึ่งเป็นการลดปริมาณขยะจากอาหารภายในธุรกิจของเราเองตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ นำมาซึ่งประโยชน์กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริงได้ กล่าวคือ
เกษตรกร มีการวางแผนการเพาะปลูกตามความต้องการของตลาด ทำให้ไม่มีสินค้าเกษตรล้นตลาดเหลือทิ้ง อีกทั้งยัง ช่วยลดปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ


ลูกค้า ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพสูงในราคาประหยัด การบริหารจัดการตลอด supply chain ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นช่วยให้อาหารคงความสดได้นานขึ้น ต้นทุนต่ำลง ทำให้ราคาสินค้าที่ลูกค้าจ่ายมีราคาประหยัด 


ธุรกิจ การลดปริมาณขยะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของธุรกิจ และ


สิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะจากอาหารเป็นปัญหายิ่งที่นอกจากจะสร้างมลภาวะด้านกลิ่นและความสกปรกแล้ว ยังมีผลกระทบทำให้เกิดโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจกที่กองขยะปล่อยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศ
 
สำหรับประเภทของอาหารที่เทสโก้ โลตัส ได้นำไปบริจาค ประกอบด้วย ผัก ผลไม้ ที่จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวัน โดยส่วนที่ยังสามารถรับประทานได้จะถูกนำไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ และส่วนที่ไม่สามารถรับประทานได้แล้วจะถูกนำไปทำปุ๋ยอินทรีย์ ภายใต้การร่วมงานกับองค์กรต่างๆ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ โดยเฉลี่ยปริมาณของผักและผลไม้ที่บริจาคจากสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต มีปริมาณตั้งแต่ 20-50 กิโลกรัมต่อสาขา ต่อวัน
สินค้าที่มีชำรุดหรือมีตำหนิแต่ไม่กระทบต่อคุณภาพสินค้าด้านใน เช่น ข้าวสารแตกแพ็ค สินค้าที่ยกเลิกการขายแล้ว สินค้าที่มีอายุเหลือไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนวันหมดอายุ แต่ยังรับประทานได้
 
“แผนงานของเราในปี 2561 จะเริ่มขยายโครงการกินได้ไม่ทิ้งกันไปสู่สาขาต่างจังหวัดโดยเริ่มบริจาคอาหารที่จำหน่ายไม่หมดจากไฮเปอร์มาร์เก็ตในต่างจังหวัด นอกจากนั้น เทสโก้ โลตัส จะเริ่มทำการวัดข้อมูลและปริมาณขยะอาหารภายในการดำเนินธุรกิจของเรา จากทั้งในสาขาและศูนย์กระจายสินค้าทุกแห่ง ตามนโยบายของเทสโก้ กรุ๊ป ที่ได้เริ่มเปิดเผยข้อมูลขยะจากอาหารในธุรกิจของเทสโก้ กรุ๊ป ทุกประเทศแล้ว ส่วนนอกเหนือไปจากธุรกิจของเรา เทสโก้ โลตัส จะร่วมมือกับกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ต่อไป เพื่อสร้างการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาและลดปริมาณขยะอาหารในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม” นางสาวสลิลลา กล่าวสรุป