Update Newsแหล่งกินไลฟ์สไตล์

แบรนด์เมอเวนพิค ชวนร่วมฉลองครบ 70 ปีด้วย 7 เมนูสุดพิเศษ

เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีของแบรนด์เมอเวนพิค ชวนร่วมฉลองความสำเร็จด้วยโดยการนำเมนูซิกเนเจอร์มารังสรรค์ในรูปแบบที่ร่วมสมัย โดยยึดถือหลักของแบรนด์ที่ว่า - doing ordinary things in an extraordinary way

กรุงเทพ, ประเทศไทย, 12 กุมภาพันธ์ 2561 – แบรนด์เมอเวนพิค โฮเทล แอนด์ รีสอร์ททั่วโลก ได้ร่วมกันจัดแคมเปญพิเศษของปี 2561 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบความสำเร็จด้านอาหารที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปีด้วยอาหารพิเศษ 7 เมนู

 ภายใต้ความสำเร็จของทั้ง 7 เมนูนี้ ได้รับการรังสรรค์โดย Mr. Thomas Hollenstein ผู้อำนายการอาหารและเครื่องดื่มและทีมเชฟ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยของโลกยุคปัจจุบันและความเป็นเลิศทางด้านการทำอาหารที่มีประวัติยาวนาน และเป็นมนูที่ได้รับความนิยมจากอดีตจนถึงปัจจุบันโดยนำมาปรุงแต่งในแบบทันสมัยซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการแนวโน้มการรังสรรค์อาหารในแบบสมัยใหม่ทั่วโลก

โดยเมนูพิเศษทั้ง 7 เมนูนี้ ได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลอง ‘70 years of culinary excellence’ ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ถึง 20 เมษายน 2561 ทุกโรงแรมในเครือเมอเวนพิคทั่วโลก เพื่อเป็นเกียรติแด่ Mr.Ueil Prager ผู้บริหารโรงแรมซึ่งก่อตั้งเมื่อ 2491 ที่ได้ริเริ่มแนวคิดใหม่ในการทำร้านอาหารซึ่งถือว่ามีความแปลกใหม่และนำสมัยในยุคนั้น โดยยึดถือคติที่ว่า ‘doing normal things in an extraordinary manner’.

จากการที่ Mr.Ueil Prager ได้คิดค้น curry-based Riz Casimir เป็นครั้งแรกในยุโรปเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้ว และในปีนี้เชฟของโรงแรมในเครือเมอเวนพิคได้แรงบันดาลจากเมนูนั้น โดยรังสรรค์ความแปลกใหม่และนำสมัยลงไปด้วย แค่ยังคงคอนเซปเดิมด้วยส่วนผสมที่สดใหม่และวัตถุดิบดั้งเดิมตามแบบฉบับ

   

โดยเมนูทั้งหมด ได้แก่ Scallops & avocado tartare (ทาร์ทาร์หอยเชลล์และอโวคาโด) เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารแถบเมดิเตอร์เรเนียน, salade belle fermière (สลัดผักรวมใส่ไก่ทอด) ได้แรงบันดาลใจมาจากฉากหนึ่งในภาพยนต์ชื่อดังของอเมริกา Easter Paradeในปี พ.ศ.2491 เป็นฉากที่ผู้จัดการร้านอาหารแสดงท่าทางการทำ เฟรนช์สลัด ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก, mille feuille saumon & caviar dolive (มิลเฟยแซลมอนและโอลีฟคาร์เวียร์) พายสอดไส้สลับชั้นแซลมอนรมควันเนื้อนุ่ม, mushrooms and vegetables Zurich style (เห็ดและผักราดซอสครีมบนมันฝรั่งซอยทอดกรอบสไตล์ซูริค) ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก Zurich-style veal เมนูท้องถิ่นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำมาจับคู่กับผักนานาชนิดและเห็ดชิตาเกะ, seafood Casimir (รวมมิตรทะเลคลุกเคล้าด้วยซอสผงกะหรี่และรวมมิตรผลไม้) โดยเลือกใช้วัตถุดิบอาหารทะเลที่มีคุณภาพ เช่น ปลา หน่อไม้ทะเล โดยนำมานึ่งเสิร์ฟพร้อมกับผลไม้รสเปรี้ยวทานคู่กับข้าวสีดำอเมริกา,  bare beef burger Café de Paris (เบอร์เกอร์เนื้อคาเฟ่ เดอ ปารีส) เบอร์เกอร์ที่ใช้เนื้อวัวคุณภาพดี ปราศจากไขมัน เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งเส้นทอดกรอบโรยพาเมซานชีส, carrot waffle (วาฟเฟิลแครอท) โดยได้แรงบันดาลใจจากเค้กแครอทสูตรดั้งเดิมของสวิตเซอร์แลนด์



อาหารทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ได้รับแรงบันดาลใจและวิสัยทัศน์ จาก Mr.Prager เพียงเท่านั้น  แต่ยังคงรวมถึงไอเดียและแนวคิดใหม่ๆที่ Mr.Prager มีต่อร้านอาหารอีกด้วย ซึ่งถือเป็นร้านอาหารที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและได้ลิ้มลองอาหารในราคามิตรภาพ

ซึ่งในยุคสมัยนั้น Mr.Prager ได้อยู่ที่บริเวณริมทะเลสาปซูริคกับเพื่อน และได้เห็นนกนางนวล (เขียนว่า Möwe ในภาษาเยอรมัน) บินโฉบลงมาหาอาหาร จึงทำให้ Mr.Prager จุดประกายความคิดและเป็นที่มาของ ร้านอาหาร casual dining แห่งแรกในยุโรป ที่ใช้ชื่อว่า ‘Mövenpick’ (Möwe pick)

Mr.Prager ได้เปิดร้านอาหารแห่งแรกที่ Claridenhof เมืองซูริค ในเดือนกรกฏาคม 2491 โดยเริ่มให้บริการอาหารมาตรฐานในแบบ อา ลา คาร์ท รวมทั้งเซทเมนู ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของเมอเวนพิคในเวลาต่อมา

หลังจากที่ Mr.Prager ได้สร้างแบรนด์เมอเวนพิคให้เป็นที่รู้จักในด้านของคุณภาพอาหารและราคาที่สามารถจับต้องได้, คุณภาพของพนักงานที่ได้มาตรฐาน และอีก 25 ปีต่อมา หรือในปี พ.ศ.2516 Mr.Prager ได้เปิดโรงแรม 2 แห่งภายใต้ชื่อ เมอเวนพิค โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ซึ่งยังรวมถึง Mövenpick Gastronomy, Mövenpick Wine และ Mövenpick Fine Foods อีกด้วย

ทางด้าน Mr. Olivier Chavy ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยประวัติของเมอเวนพิคที่น่าทึ่ง ทั้งความมุ่งมั่นในการบริการที่เป็นเลิศรวมทั้งเป็นผู้ริเริ่มอาหารที่ไม่เหมือนใคร ในปี พ.ศ.2561 นี้ เราจึงขอเชิญทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่มีมาอย่างยาวนานด้วยเมนูพิเศษสำหรับลูกค้าทุกท่านทั่วโลก

แคมเปญ “The ‘70 years of culinary excellence’ ได้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ Mr. Ueli Prager ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกและก่อตั้งเครือเมอเวนพิค เราจึงขอร่วมสืบสานและรังสรรค์อาหารในคอนเซปใหม่แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉกเช่นในอดีต โดยยึดหลักวิสัยทัศน์ที่ว่า doing normal things in an extraordinary manner


ข้อมูลเพิ่มเติม: http://bit.ly/2FQU1qN