Update Newsสังคมสังคม/CSRสาธารณสุข

กรมควบคุมโรคเตือนปชช. ระวังโรคที่มากับน้ำ 

“จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี วาตภัย อุทกภัย และดินโคลนถล่ม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีเหตุการณ์น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 จากกรณีพายุโซนร้อนกำลังแรง “โนรู (Noru)” ซึ่งเคลื่อนเข้าประเทศไทยบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พะเยา เชียงใหม่ ลําพูน ลําปาง สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร อํานาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มุกดาหาร สระบุรี ชัยนาท สระแก้ว ปราจีนบุรี และพังงา 

การพยากรณ์อากาศในช่วงนี้ คาดว่าประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้” 


“การพยากรณ์และภัยสุขภาพสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลาก ได้แก่ การบาดเจ็บจากอุทกภัย เช่น พลัดตกน้ำ จมน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการสัญจรบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยว หากจําเป็นต้องทํากิจกรรมทางน้ำควรเตรียมอุปกรณ์ชูชีพให้พร้อม เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยาง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ช่วยในการลอยตัว ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ อยู่ตามลำพัง ควรมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดและอยู่ห่างจากแหล่งน้ำ 

นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราเมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำท่วมหรือน้ำไหลเชี่ยว ควรระมัดระวังอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ป้องกันได้โดยการไม่สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าขณะร่างกายเปียกชื้น และไม่ควรเดินลุยน้ำเข้าใกล้แนวเสาไฟฟ้า สำหรับโรคติดต่อที่ควรระมัดระวังในช่วงน้ำท่วม ได้แก่ โรคฉี่หนู โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคระบบทางเดินหายใจ สามารถป้องกันโดย การกินอาหารปรุงสุก สะอาด ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการขับถ่ายลงในแหล่งน้ำ ให้ขับถ่ายลงในถุงดำ โรยปูนขาว มัดให้แน่น และส่งกำจัดต่อไป 

หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำเป็นเวลานานควรใส่รองเท้าบู๊ททุกครั้ง รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งทันที หรือหากน้ำที่ท่วมขังกระเด็นเข้าตาหรือมีฝุ่นละอองเข้าไปในตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าและดวงตาให้สะอาด เมื่อมีอาการป่วยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา 

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”