Update Newsกระทรวงวัฒนธรรมสังคมสังคม/CSR

กรมศิลปฯ เผยความคืบหน้าการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพื้นที่ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ล่าสุดได้มีการตรวจรับงานก่อสร้างพิพิธภัณฑสถานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ งวดที่ ๑๑ และ ๑๒

เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า ๓๐% คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในปี ๒๕๖๖ เมื่อการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนงานด้านการออกแบบและตกแต่งภายใน รวมถึงการจัดแสดงนิทรรศการเพื่อรวบรวมองค์ความรู้โบราณราชประเพณีเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมศพ พระศพ และองค์ความรู้ในการก่อสร้างพระเมรุมาศ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา คติความเชื่อ งานสถาปัตยกรรม งานศิลปกรรมด้านต่างๆ ตลอดจนขั้นตอนต่างๆ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ให้ประชาชนได้เห็นถึงความงดงามของรูปแบบศิลปกรรมไทย ประเพณี และศิลปกรรมในรัชกาลที่ ๙ ที่มีเอกลักษณ์  แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของงานช่างฝีมือไทยทุกสาขาที่ร่วมมือกันสร้างสรรค์เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้



ส่วนความคืบหน้าของคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่ก่อสร้างอาคารหลังใหม่อยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อจัดเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญของชาติ โดยออกแบบได้มาตรฐานถูกต้องตามหลักการอนุรักษ์มีเทคโนโลยีด้านการรักษาความปลอดภัยต่อโบราณวัตถุที่ทันสมัย เป็นต้นแบบคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ได้มาตรฐานสากล ขณะนี้เจ้าหน้าที่กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ



 

 

อยู่ระหว่างดำเนินการนำโบราณวัตถุจำนวนมากกว่า ๙๓,๐๐๐ รายการ ออกจากบรรจุภัณฑ์เดิม แล้วนำขึ้นจัดแสดงหรือจัดเก็บบนชั้นเหล็ก ตู้ลิ้นชักเหล็กภายในห้องคลังต่าง ๆ โดยจำแนกการจัดเก็บโบราณวัตถุแต่ละประเภทให้เป็นหมวดหมู่ตามวัสดุเป็นหลัก ได้แก่ คลังหินและปูนปั้น คลังดินเผา ๑ และคลังดินเผา ๒ คลังโลหะ ๑ คลังโลหะ ๒ และคลังโลหะ ๓ คลังไม้ ๑ และคลังไม้ ๒ คลังหนังสัตว์ คลังผ้า กระดาษ กระดูก งาและเขาสัตว์ เพื่อเตรียมเปิดให้บริการคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอย่างเป็นทางการภายในปี ๒๕๖๕ โดยจะเป็นลักษณะการให้บริการเยี่ยมชมหรือเข้าศึกษาค้นคว้าโบราณวัตถุ ณ สถานที่ตั้งเท่านั้น ส่วนงานบริการสืบค้นฐานข้อมูลทะเบียนพร้อมภาพถ่ายโบราณวัตถุจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการแบบออนไลน์ในปี ๒๕๖๖