“จุรินทร์” ดันแผนอีคอมเมิร์ซ ระยะ 2 ตั้งเป้า มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 5 ปี
คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เตรียมพร้อมการพัฒนาอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนากำลังคน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การสร้างความเชื่อมั่น และการพัฒนาผู้ประกอบการ พร้อมมุ่งเป้าเพิ่มมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศเป็น 7.1 ล้านล้านบาท ในปี 2570 ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการประชุมคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประจำปี 2565 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนว่า กระทรวงพาณิชย์และเลขานุการคณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้จัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(e-Commerce) แห่งชาติ ระยะที่ 2 ครอบคลุมปี 2566-2570 ตั้งเป้าให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อน e-commerce ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2570 จะมีมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ 7.1 ล้านล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 10 นับจากปี 2564 ที่มีการสำรวจโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ล่าสุด โดยพบว่ามูลค่า e-Commerce ภายในประเทศไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.01 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.08 จากปีก่อนหน้า (มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศ ปี 2563 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.78 ล้านล้านบาท) “โดยในปี 2565 ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์นั้น ได้ดำเนินงานตามนโยบายของท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ในการเดินหน้าเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าของผู้ประกอบการไทย ซึ่งรวมถึง SMEs วิสาหกิจชุมชน และเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ทางการค้าที่ดี เป็นที่เชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก โดยการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เช่น ส่งเสริมการขยายตลาดสินค้ากลุ่ม BCG (Bio - Circular - Green Economy) ในยุค New Normal ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเจรจาการค้าออนไลน์ (OBM) เป็นต้น” สำหรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570)ได้กำหนดยุทธศาสตร์ของแผนไว้ทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่ 1. การพัฒนากำลังคน พลเมือง และผู้ประกอบการดิจิทัล (Competency Building) 2. การพัฒนาสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Ecosystem and Enabling Factors) 3. การยกระดับความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกรรมในอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Trust and Security) และ 4. การพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ และส่งเสริมการค้าออนไลน์ทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน (Enhance and Promotion) ทั้งนี้ คณะกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน เช่น หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เป็นต้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย และมุ่งเป้าให้ “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยเติบโต เท่าทัน ครบครัน มั่นใจ ปลอดภัย ยั่งยืน” ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169