“จุรินทร์” ถกฮ่องกงวันนี้ “ชู” ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อน พร้อมดันส่งออกสินค้าเกษตร-ข้าว-ผลไม้ และธุรกิจบริการ
วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 เวลา 14:30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ การหารือระดับรัฐมนตรีระหว่างรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง (Mr.Edward Yau) ผ่านระบบออนไลน์ Video Conference ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการโสมสวลี ชั้น 11 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ กล่าวว่าประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง นายเอ็ดเวิร์ด เหยา นำมาหารือมี 3 ประเด็น 1.เชิญตนไปกล่าวปาฐกถาในงานการประชุมสุดยอด Belt and Road Summit ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด “Driving Growth Through Fostering regional and International Trade” ระหว่างวันที่ 13 - 14 กันยายน 2564 ณ เมืองฮ่องกง โดยการประชุมดังกล่าวจะมีผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ผู้นำภาคเอกชนจากทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมองหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน 2.ท่านรัฐมนตรีพาณิชย์ฮ่องกงแจ้งว่าท่านสนใจที่จะนำฮ่องกงเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก RCEP ร่วมกับ 15 ประเทศที่มีประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น โดยตนได้เรียนให้ท่านทราบเงื่อนไขของการรับสมาชิกใหม่ของ RCEP นั้นเริ่มต้นจากการให้ RCEP มีผลบังคับใช้เสียก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่บังคับใช้อยู่ในขั้นตอนของการให้สัตยาบันของแต่ละประเทศ แต่ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าให้ RCEP มีผลบังคับใช้โดยเร่งให้สัตยาบันให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และโดยข้อตกลงระบุว่าการรับสมาชิกใหม่จะต้องหลังจากบังคับใช้แล้ว 18 เดือน โดยสำหรับประเทศไทยยินดีต้อนรับฮ่องกง 3.ท่านรัฐมนตรีแจ้งให้ทราบว่าท่านสนใจที่จะทำ FTA กับประเทศไทย ขณะนี้ FTA ไทยฮ่องกงอยู่ระหว่างการศึกษา กระทรวงพาณิชย์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษา คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และสำหรับประเด็นที่ตนนำมาหารือกับท่านรัฐมนตรีฮ่องกงคือ ประเด็นที่หนึ่งประเทศไทยยืนยันที่จะเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารไปให้กับชาวฮ่องกง ประเทศไทยยังยินดีที่จะเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนให้กับชาวฮ่องกงต่อไปเพราะถือว่าตลาดฮ่องกงเป็นตลาดที่มีการค้ากับประเทศไทยมายาวนานและเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ท่านไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลน อย่างน้อยที่สุดประเทศไทยก็ยินดีที่จะส่งอาหารไปจำหน่ายให้ฮ่องกง อาหารของประเทศไทยนอกจากมีคุณภาพแล้วยังมีความปลอดภัยสูงโดยเฉพาะกระบวนการผลิตนั้นปลอดโควิด 100% ประเด็นที่สองธุรกิจบริการ 1.เรื่องธุรกิจอนิเมชั่นและภาพยนตร์ ปัจจุบันประเทศไทยมีพัฒนาการทางด้านการผลิตอนิเมชั่นและการตัดต่อภาพยนตร์ที่อยู่ในศักยภาพขั้นสูง และสามารถร่วมมือกับฮ่องกงผลิตอนิเมชั่นและผลิตภาพยนตร์เพื่อจำหน่ายยังต่างประเทศต่อไปได้ จะดำเนินการร่วมกันในรูปแบบทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันกรณีพิเศษก็ได้ ซึ่งท่านรัฐมนตรีฮ่องกงสนับสนุนนักลงทุนอนิเมชั่นและภาพยนตร์สามารถร่วมมือกับไทยได้เป็นอย่างดี ในอนาคตถ้ามีโอกาสเดินมาในประเทศไทยอยากจะไปดูพัฒนาการของธุรกิจอนิเมชั่นและดิจิตอลคอนเทนท์ของประเทศไทย 2.การท่องเที่ยว ประเทศไทยพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เพราะฮ่องกงถือเป็นตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งของประเทศไทย และยินดีต้อนรับผู้สูงอายุที่มาจะมาใช้ธุรกิจ Wellness หรือธุรกิจบริการด้านสุขภาพในประเทศไทยประเทศไทยมีความพร้อมเป็นอย่างสูงหลังหมดสถานการณ์โควิดไปแล้ว และมีข้อเสนอเพิ่มเติมว่า ไทยกับฮ่องกงอาจสามารถร่วมมือกันทำการท่องเที่ยวในรูปแบบ Travel Bubble เช่นเดียวกับที่ฮ่องกงกำลังเจรจากับสิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ในขณะนี้ได้ในอนาคต " ฮ่องกงถือว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 8 ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้ารวม 413,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่ฮ่องกงนำเข้าจากประเทศไทยที่สำคัญและขยายตัวในอัตราสูงประกอบด้วย 1.เนื้อหมูหรือเนื้อสุกรแช่แข็ง ปีที่แล้วบวกถึง 345%มะม่วงสดบวกถึง 400% สบู่และเครื่องสำอางบวกถึง 216% เป็นต้น " รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว