ชาญอิสสระ พร้อมอวดโฉม ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ชูจุดเด่น Luxury Urban & Nature ด้วยดีไซน์แบบ Single Corridor เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยพร้อมกับ Layout ห้องที่เป็น Flexible Area ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความเหมาะสม สร้างพื้นที่ New Lifestyle ให้เป็นสถานที่ Work Life Balance, Betterment Community และ Wealth & Health Universe เจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ เดินหน้ากลยุทธ์ลุยตลาดกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง-นักลงทุน กลุ่ม Expat และกลุ่ม Digital Nomad
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการ ดิ อิสสระ สาทร (The Issara Sathorn) เป็นหนึ่งในโครงการที่ชาญอิสสระ มีความภาคภูมิใจในการนำเสนอ โปรดักส์นี้ให้กับทุกท่านที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ผสมผสานอัตลักษณ์ของความเป็นเมืองและธรรมชาติไว้ด้วยกัน ซึ่งทำเลที่ตั้งของโครงการนับว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรวมที่ดี อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย โลเคชั่นเหมาะสำหรับการได้พักผ่อนจริงๆ
“เราให้ความใส่ใจ ความพิถีพิถัน ในการพัฒนาโครงต่างๆ ของกลุ่มชาญอิสสระ สำหรับโครงการ ดิ อิสสระ สาทร เราเริ่มตั้งแต่การมองหาที่ดินที่มีศักยภาพ การออกแบบโครงการที่ใส่ใจสภาพแวดล้อม ที่ต้องการกระจายพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวไว้ตามส่วนต่างๆ ของอาคารตั้งแต่ทางเข้าจนไปถึงชั้นสูงสุด จึงทำให้ผู้อาศัยได้สัมผัสถึงความรู้สึกว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่แท้จริง เหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ชาญอิสสระ ใช้ในการพัฒนาโครงการให้ตรงตามกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มนักลงทุน ได้มีคุณภาพชีวิต และความสะดวกสบายที่ครบครัน” นายสงกรานต์ กล่าว
ด้านนางธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการ ดิ อิสสระ สาทร เป็นลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ที่ชาญอิสสระ ตั้งใจพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตการอยู่อาศัยที่ครบครัน ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต พร้อมกับระบบการจอดรถแบบ Auto Parking สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV) และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เตรียมพร้อมให้กับลูกค้าได้อยู่อาศัยอย่างเหนือระดับ ออกแบบโดย บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ที่ออกแบบโครงการให้สะท้อนไลฟ์สไตล์ การอยู่อาศัย ความเป็นสังคมเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ
ในส่วนของโลเคชั่น การเดินทางนั้นยังมีโครงการสะพานข้ามห้าแยก ณ ระนอง ซึ่งเป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแยกใหม่ 3 แห่ง จากแยก ณ ระนอง ถึงโรงเรียนนนทรีวิทยา ความยาวสะพานรวมทั้งหมด 1,950 เมตร เพื่อแก้ปัญหาถนนที่มีลักษณะคอขวด ลดจุดตัดบริเวณทางแยกและเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายถนน รองรับการจราจรถนนวงแหวนรัชดาภิเษกและถนนสายหลักต่อเนื่องถนนพระราม 3 ซึ่งรถที่มาจากสี่แยกอโศกมนตรี มาตามถนนรัชดาภิเษก สามารถขึ้นสะพานข้ามแยก ณ ระนองแห่งใหม่ ไปลงหน้าโรงเรียนนนทรีวิทยา ถนนพระรามที่ 3 เลือก
ได้ระหว่างตรงไปเพื่อไปยังถนนนางลิ้นจี่ ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และสะพานภูมิพล หรือชิดขวาขึ้นสะพานเพื่อไปยังถนนรัชดาภิเษก ห้างเซ็นทรัลพระราม 3 ได้ ส่วนรถที่มาจากถนนพระรามที่ 3 และถนนรัชดาภิเษก หากต้องการไปยังแยกอโศกมนตรี สามารถขึ้นสะพานหน้าโรงเรียนนนทรีวิทยาได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านแยก ณ ระนอง และแยกคลองเตย
นอกจากนี้คืบหน้าโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ซึ่งมีจุดเริ่มต้นโครงการฯ อยู่ที่ กม. 13+000 ของถนนพระรามที่ 2 มีระยะทางรวม 18.7 กิโลเมตร โครงการฯ มีทางขึ้น-ลง จำนวน 7 แห่ง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด และเปิดให้บริการในปี 2567 จะช่วยทำให้การเดินทางเข้าสู่กรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และช่วยเชื่อมเส้นทางคมนาคมครบวงจรระหว่าง CBD และเส้นรอบเมืองมากขึ้น รวมถึงเชื่อมต่อการเดินทางเข้า-ออก เมือง อาทิ พระราม 3 สาทร สีลม นางลิ้นจี้ ไปยังโซนพระราม 2 ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
“โลเคชั่นถนนจันทน์-สาทร นอกจากสะดวกสบายเรื่องการเดินทางแล้ว ย่านนี้ยังถือเป็นย่านวัฒนธรรมชุมชนที่มีมนต์เสน่ห์ รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคมากมาย มีความเป็นเมือง Urban ของย่านธุรกิจที่สำคัญเชื่อมต่อกับความเป็นธรรมชาติ Nature เพราะมีพื้นที่สีเขียวรายล้อม ไม่ว่าจะเป็นสวนลุมพินี สวนเบญจกิติ หรือแม้กระทั่งบางกะเจ้า ที่เปรียบเป็นปอดใจกลางเมืองที่ดีที่สุด จึงทำให้บรรยากาศการอยู่อาศัยของย่านนี้เป็นมากกว่าที่พัก เพราะสามารถทำกิจกรรม กับส่วนกลางที่โครงการได้จัดสรรไว้ได้อย่างเต็มอิ่ม อีกทั้งที่ตั้งโครงการอยู่ถนนจันทน์-สาทร ยังเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่อยู่ใกล้ใจกลางย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร มีถนนรายล้อม (Grid Road System) ประกอบด้วยทางด่วน รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน รถด่วนพิเศษ (BRT) เรือด่วนเจ้าพระยา
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของการเดินทางที่หลากหลาย อีกทั้งย่านนี้ยังเป็นแหล่งรวมของอร่อยมากมาย มีอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ตั้งแต่สตรีทฟู้ดจนถึงมิชลินสตาร์ มีสถานที่แฮงค์เอาท์พักผ่อน หย่อนใจหลังเลิกงาน มี community ต่างๆ ให้ได้พบปะกัน ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไลฟ์สไตล์ที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบัน จึงเชื่อว่าโครงการ ดิ อิสสระ สาทร จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี” นางธีราภรณ์ กล่าว
ขณะที่นายดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แนวคิดของโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ว่าต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสถึงความเป็น Luxury Urbanature ที่เชื่อมต่อความเป็นเมืองและธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน มีความสงบ มีความสุขกับการพักผ่อน รวมถึงได้รับบรรยากาศของการอยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตที่ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยทุกเพศ ทุกวัย ตรงตามแนวคิดโครงการ “UNITE ALL SIDES OF YOUR LIFE...ใช้ชีวิตอิสสระ ให้สุดในทุกด้าน”
สำหรับจุดเด่นของโครงการ ดิ อิสสระ สาทร เน้นการออกแบบที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชั่น ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่ส่วนกลาง การออกแบบยูนิตพักอาศัย ระบบรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงระบบการจอดรถ Auto Parking โดยทุกยูนิตจะให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 32.75 - 188.76 ตร.ม. เริ่มที่ 1 Bed, 1 Bed+, 2 Bed, 2 Bed+, 3Bed และ Penthouse ซึ่งแต่ละรูปแบบได้มีการออกแบบ Layout ของห้องที่เป็น Flexible Area ช่วยให้ปรับเปลี่ยนการใช้สอยได้ตามความเหมาะสม
“การวาง Layout ของแต่ละห้อง เป็นความใส่ใจของโครงการที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้มีช่องทางในการเลือกขนาดพื้นที่ห้องให้เหมาะกับจำนวนสมาชิกผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน กลุ่มครอบครัวขนาดกลาง จนถึงขนาดใหญ่ รวมถึงกลุ่มผู้อยู่อาศัยจริง และกลุ่มที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อีกทั้งขนาดห้องแต่ละ Type ยังมีการแบ่งพื้นที่ให้มีความเป็นสัดส่วน มีความยืดหยุ่นในด้านฟังก์ชั่นให้กับผู้อยู่อาศัย” นายดิฐวัฒน์ กล่าว
ในส่วนของบรรยากาศโดยรวมทั้งภายใน และภายนอกโครงการ นอกจากจะได้สัมผัสวิวเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสธรรมชาติของวิวคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา-บางกะเจ้า จาก Facilities ในแต่ละชั้นที่เน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว ที่เพิ่มเติมในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย เริ่มจากชั้น 1 The Park ที่เป็นโซนของสวน พื้นที่พักผ่อนสนามหญ้ากว้าง สนามเด็กเล่น บ่อน้ำ ศาลาพักร้อน ซึ่งนับเป็นชั้นที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุด ขณะที่ชั้น 29 The Haven เป็นโซน The Sky Gym, The Game, The Space, The Water, The Therapy, The Garden ต่อที่ ชั้น 33 The View มีการนำ Concept Floating Forest เนรมิตออกมาให้เป็นลักษณะของสวนป่าที่มีความสงบ เหมาะต่อการพักผ่อน ด้วยการนำเก้าอี้ในแบบต่างๆ รองรับการนั่งหรือนอนชมวิวด้านบางกะเจ้า
นอกจากนี้ยังมีในส่วนของชั้น The Herb ซึ่งประกอบด้วย พื้นที่ปลูกผักสวนครัว และสมุนไพร ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสธรรมชาติและศึกษาสมุนไพรชนิดต่างๆ โซน The Horizon พื้นที่ออกกำลังกาย ที่อยู่บนชั้นที่สูงที่สุด ทำให้ได้เทควิวที่สวยงามมากที่สุด ซึ่งในการออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเป็นการช่วยเติมความสุข และสร้าง New Lifestyle ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นให้กับผู้อยู่อาศัย ช่วยให้เกิด Work Life Balance สร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่ดีขึ้น (Betterment Community) และ ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้า (Wealth & Health Universe) ไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันจากโครงการ
ในส่วนของนางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคในการมองหาที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะย่านใจกลางเมือง ว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์ความสะดวกสบายทั้งในเรื่องการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการเดินทาง และมีเวลาได้ใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ซึ่งที่อยู่อาศัยจึงต้องเป็นมากกว่าที่พัก สามารถเป็นสถานที่ที่ครบครันด้วยการมีพื้นที่ที่มี Lifestyle ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานให้เป็นสถานที่เป็น Workplace เป็น Extreme Lifestyle and Health Conscious ดังนั้น โปรดักส์ที่มีความแตกต่าง มีความเป็น Quite Luxury and Cozy Condo จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคในยุคนี้ ซึ่งในปัจจุบัน Supply คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยังมีอยู่น้อย เมื่อเทียบกับ Demand ที่มีอยู่
“สิ่งที่น่าจับตามองอีกประการนอกจากเรื่องทำเล ไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์แล้ว ขนาดของพื้นที่ห้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัย โครงการที่พัฒนาขนาดห้องให้มีขนาดใหญ่ จำนวนยูนิตไม่เยอะ จะเป็นจุดสนใจให้แก่กลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะทำเลที่อยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ ที่คาดหวัง Turnover จากผู้ปกครอง รวมถึงโซนออฟฟิศบิวดิ้ง ที่กลุ่ม Expat ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็มองหาห้องขนาดใหญ่ในทำเล Prime Area ใจกลางเมือง” นางนลินรัตน์ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ด้านการขายและการตลาดนั้น มั่นใจว่าโปรดักส์ โครงการ ดิ อิสสระ สาทร จะตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 50% โดยเป็นกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งซื้ออยู่อาศัยจริง และซื้อเพื่อการลงทุน
สำหรับโครงการ ดิ อิสสระ สาทร ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม ตั้งอยู่ทำเล ถนนจันทน์-สาทร สูง 37 ชั้น จำนวน 270 ยูนิต ราคาโปรโมชั่นเริ่มต้น 5.59 ล้านบาท สำหรับช่วงเปิดตึกครั้งแรก โครงการเตรียมจัดแคมเปญพิเศษงาน Grand opening รับโปรโมชั่น Extreme Free เพียงลูกค้าจองห้องในระหว่างวันที่ 15 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2566 รับ อาทิ iPhone 15 pro max, ฟรีเฟอร์นิเจอร์แพกเกจ Euro Creation มูลค่า 1-3 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.charnissara.com
Tel: 02 308 2222
Line OA: https://lin.ee/EBHB7CI
Google Maps: https://goo.gl/maps/RSMaNu1KqHCEEiaN7
Post Views: 38