“ชายน์นิ่ง โกลด์” จิวเวลรี่ทองคำ เน้นดีไซน์ไทยประยุกต์เจาะตลาดสากล
Btripnews นัดหมายกับคุณกวาง - เอเกต ตัณฑชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชายน์นิ่งโกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด ผู้ผลิตทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ในวันที่ไปถ่ายภาพสินค้าในสตูดิโอแห่งหนึ่งย่านเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อบันทึกเรื่องราวตำนานการทำทองที่สานต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมียอดการจำหน่ายทองคำแท่งและทองรูปพรรณส่งร้านค้าปลีกกว่าสองพันแห่งทั่วประเทศรวมนับสิบตันต่อปี ปัจจุบันพัฒนาธุรกิจด้วยแบรนด์จิวเวลรี่ทองคำไทยประยุกต์ ในยุคของคุณเอเกต นักบริหารทองคำแท่งออนไลน์ รุ่นที่ 2 ของครอบครัว จุดเริ่มต้นของครอบครัว คุณกวาง เล่าให้ฟังว่า “....กวางเรียนจบปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็บินไปศึกษา ต่อปริญญาโทด้าน Industrial and Systems Engineering @ Texas A&M University และ Business Management @ Mays Business School Texas A&M University ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในยุคเริ่มแรกรุ่นอากง เปิดร้านทองขายปลีกอยู่แถวสะพานใหม่เมื่อหกสิบปีก่อนเป็นร้านทองตู้แดงธรรมดา จนคุณพ่อมาทำโรงงานทองรูปพรรณเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมมากขึ้นเพื่อส่งให้กับร้านขายทอง ร้านค้าปลีกทั่วประเทศเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา และได้ย้ายไปที่ ดิโอล สยาม จากตึกแถวก็กลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น มาอยู่ในพื้นที่ 52 ไร่ กวางอยู่หน้าร้านคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก โรงงานก็อยู่ชั้นบนตึกแถว สมัยก่อนมีช่างสองคน คุณพ่อเป็นคนฝึกเอง แต่ตอนนั้นทำเป็นลายเดียวและนำไปขายให้กับร้านทองของญาติพี่น้องก่อนแถวสะพานใหม่ .... ตั้งแต่เด็กเวลาคุณพ่อไปติดต่องาน กวางก็จะไปด้วย อย่างที่อินโดนีเซีย ตอนนั้นเขาปิดโรงงานประกาศขายเครื่องจักร คุณพ่อก็ไปเหมาเครื่องจักรมา รวมถึงนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยจากอิตาลี เพราะอิตาลีเป็นประเทศที่พัฒนาในเรื่องของแมชชีนด้านทองคำมากที่สุด สมัยก่อนเน้นเรื่องทอผ้าแต่ก็ปรับกลยุทธ เน้นเครื่องจักรที่ทำทองซึ่งจะคล้ายกัน การผลิตทองตอนใช้เครื่องจักรทำก็เป็นเส้นๆ โรงงานเป็นแบบ กรีนแฟคทอรี่ เริ่มทำเมื่อยี่สิบปีก่อน” แต่ก่อนจะมาเริ่มธุรกิจของครอบครัว เธอเคยเข้าไปหาประสบการณ์จากห้างคาร์ฟูร์อยู่ 2 ปี ในตำแหน่ง Supply Chain Manager ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตรงกับสายงานที่ได้เรียนมา “เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเรียนรู้ว่าระบบที่ดีควรมีอะไรบ้าง และระบบ ที่เป็น Human Resources หากเป็นพนักงานคิดอย่างไร และคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจคิดแตกต่างจากพนักงาน อย่างไร มีแนวคิดที่จะปรับปรุงระบบการพัฒนาอะไรให้ดีขึ้นบ้างในลักษณะของการทำงาน ที่ต่างฝ่ายต่าง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกันได้ ประจวบกับคุณพ่อเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ บางอย่างที่เกิดขึ้น จึงเรียกตัวเธอกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวในเรื่องของการบุกเบิกธุรกิจทองแท่งที่เป็น Gold Online เพราะตอนนั้นตลาดกำลังฟีเวอร์หนักในเรื่องของการลงทุน Gold Future ก็ได้นำความรู้ที่เคยศึกษาเพิ่มเติม อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกามาช่วยงานด้าน Gold Online เป็นหลักควบคู่ไปกับการเข้าไปช่วยคุณพ่อวางระบบบริหารจัดการ โรงงานทั้งหมดให้มีมาตรฐานตามที่ตั้งใจเรียนมาและชอบเป็นการส่วนตัวตั้งแต่ตอนแรก” งานการผลิตทองในปัจจุบัน คุณกวาง เล่าต่อว่า “... ที่โรงงานผลิตทองแท่งและทองรูปพรรณ 96.5 และทอง 99.99 มีทั้งงานฝีมือขึ้นรูปและงานทองที่ผลิตจากเครื่องจักรด้วย ปริมาณการผลิต 10 ตันต่อปี งานในระยะแรกจะเป็นงาน mass หรืองานที่มีปริมาณมากๆ แต่เมื่อปี 2559 ทางชายน์นิ่ง โกลด์ ได้ทำทวิภาคีกับสถาบันกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง ในพระบรมมหาราชวัง นำน้องๆ เข้ามาฝึก โดยส่งเสริมให้ทุนการศึกษา และสอนเกี่ยวกับการผลิตทองที่เน้นลายไทยโบราณและงานฝีมือคนไทย หลังจากนั้นจึงนำมาสู่การออกแบบงานประยุกต์ให้เป็นไทยโมเดิร์นมากขึ้น ทีมออกแบบจะประยุกต์งานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพียงแต่เครื่องประดับ แต่ยังมีแบบอื่นๆ ด้วย รวมถึงการขยายไลน์สู่การออกแบบ จิวเวลรี่ทองคำ ที่ผ่านมาได้ออกแบบสู่ตลาดแล้ว 10 กว่าคอลเลคชั่น รวมถึงคอลเลคชั่นล่าสุดประกอบด้วยสร้อยคอ, ต่างหู กำไลข้อมือ, จี้, แหวน คือ Daisy Collection , Rice berry Collection , Forget me not Collection “จากเดิมคนซื้อทองจากตู้แดงส่วนใหญ่จะซื้อไว้เก็บต่างจากเพชรที่คนจะซื้อไว้ใส่เป็นเครื่องประดับ กวางเห็นว่าจะทำอย่างไรที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภควัยทำงานและคนรุ่นใหม่ ให้หันมาซื้อทองใส่เป็นเครื่องประดับหนึ่งของร่างกาย จะพัฒนาแบบของทองเส้นๆ ที่ในอดีตไม่ค่อยมีลวดลายอะไรมากนัก ให้กลาย เป็น Gold Jewelry ที่มีดีไซน์สวยงามเหมือนเป็นแอคเซคเซอร์รี่ ที่ทุกๆคนต้องเลือก ซื้อ ใส่มากกว่า ซื้อเก็บ” จุดเด่นของแบรนด์ ชายน์นิ่ง โกลด์ ในอดีตทองที่จำหน่ายทั่วประเทศเป็นทอง 96.5 % เนื่องจากมีความแข็งและสามารถขึ้นรูปได้ง่ายโดยการใส่เงินเข้าไป แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสากล ซึ่งแม้แต่ในสปป.ลาว กัมพูชา พม่า ยังใช้ทอง 99.99 % คุณกวาง เล่าว่า “จุดเด่นของงานเราคือ เน้นงานไทยประยุกต์ และใช้ทอง 99.99 % ในประเทศไทยจะเป็นทอง 96.5 ทั้งหมด แต่ทอง 96.5 % จะไม่สามารถออกไปในตลาดสากลได้ ทำและจำหน่ายได้แต่ที่ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเดียวที่ใช้ทอง 96.5 % มาตั้งแต่สมัยก่อน ทอง 96.5 % ทำให้แข็งขึ้นโดยการใส่เงินเข้าไปทำให้ทองสามารถขึ้นรูปได้ง่ายขึ้น แต่ไม่เป็นสากล ไม่เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ สำหรับในประเทศชายน์นิ่ง โกลด์ จำหน่ายอยู่แล้ว แต่เพราะต้องการเปิดตลาดในต่างประเทศ จึงใช้ทอง 99.99 โกอินเตอร์ได้ยิ่งขึ้น ทั้ง จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง CLWA จะเน้นทอง 99.99% เช่นเดียวกัน ส่วนราคาจะต่างกันในเนื้อของเปอร์เซ็นต์ทอง เรื่องของการขายคืนก็ได้ตามเปอร์เซ็นต์ทองเหมือนกัน สำหรับทอง 99.99 % ประเทศไทยจะทำเป็น Hall Mark เพื่อการันตีให้ทั่วโลกรู้ “การทำทองรูปพรรณ 99.99 % ทำยากกว่า 96.5 % แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีก็สามารถขึ้นทองได้ง่ายขึ้น ซึ่งจริงๆ ทั่วโลกเองที่มีโรงงานทองก็อยากจะมาตั้งที่เมืองไทย เพราะคนงานไทยหรือเด็กไทยฝึกง่ายและมีฝีมือปราณีตกว่าประเทศอื่นๆ อย่างประเทศอิตาลีก็เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย เรื่องงานดีไซน์ ทางชายน์นิ่ง โกลด์ เน้นงานดีไซน์ไทยประยุกตเป็นหลัก สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ในต่างประเทศไม่ค่อยเคยเห็นผลงานที่เป็นไทยสักเท่าไหร่ ยังไม่ได้เปิดกว้างมาก แต่ปัจจุบันในสายการบินที่มีแคตตาล็อคโชว์งานคนไทยจะเพิ่มขึ้น กวางมองว่าถ้าต่างประเทศเห็นฝีมืองานดีไซน์และใช้ทอง 99.99% ก็ช่วยให้เป็นที่ยอมรับ และยิ่งมี Hall Mark มาการันตีทองไทยด้วย ก็กล้าที่จะซื้อของไทยมากขึ้น” จาก OEM สู่แบรนด์ ชายน์นิ่ง โกลด์ คุณกวาง เล่าต่อว่า “เรามาทางแบรนด์ที่เน้นทองแท่งมาก่อน ของชายน์นิ่ง โกลด์เอง แต่เรื่องของแบรนด์ที่เป็นทองรูปพรรณก่อนหน้าเป็นในลักษณะขายส่ง ซึ่งทั้งทองคำแท่งและรูปพรรณทำส่งทั้งหมด 2,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ เหมือน OEM แต่ในปีหน้าจะเริ่มเน้นแบรนด์มากยิ่งขึ้น อยากเน้นเรื่องของเปอร์เซ็นต์ทองที่ต้องมาก่อนว่า เปอร์เซ็นต์ทองของ ชายน์นิ่ง โกลด์ เป็นที่น่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะตลาดจีนก็น่าจะเข้ามาดูมากยิ่งขึ้น เพราะตลาดจีนมาเมืองไทยเยอะและคนจีนสนใจสินค้าของไทยด้วย ในช่วงแรกนี้ จึงเน้นการให้คนรับรู้ว่า คนไทยมีทองที่ได้มาตรฐานเป็นทองคำ 99.99 % และดีอย่างไรก่อน และจะมีการเปิดร้านที่ ดิโอลด์ สยาม และประชาสัมพันธ์เรื่องแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” ด้านตลาดจิวเวลรี่ ทองคำ ปัจจุบัน จิวเวลรี่ ทองคำ ในประเทศไทยแบรนด์ที่อยู่ในระดับเดียวกันจะอยู่ที่สองแบรนด์ แต่แบรนด์ทั่วไปในตลาดมีเยอะ อย่างฮั่วเซ่งเฮง เป็นทอง 96.5 ส่วนพรีม่า โกลด์ หรือ โกลด์ มาสเตอร์จะเป็น ทอง 99.99% นับว่ายังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่เปิดช่องอีกมาก กรรมการผู้จัดการ ชายน์นิ่ง โกลด์ กล่าวต่อว่า “ ตลาดทองที่ผลิตในโรงงานยังโตขึ้นทุกปี คือ ขยับขึ้นมาจาก 7 ตัน 8 ตัน 9 ตัน ปีนี้ 10 ตัน ซึ่งคาดว่าในปี 2561 จะอยู่ที่ 12 ตัน มองว่าตลาดทองปิดอยู่ อย่างสรรพากรเองก็เพิ่งเข้ามาดูตลาดทองว่าเติบโตอย่างไร จีนเองก็ตลาดปิดเช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้ว่า โวลุ่มหรือตัวชี้วัดปริมาณการซื้อขายเท่าไหร่ มีการเข้าออกเท่าไหร่ ไทยเองก็เพิ่งจะมีการเปิดโวลุ่มทองรูปพรรณ ทองสมัยก่อนซื้อขายปกติจะไม่ออกบิล ไม่ขอออกภาษีให้กับลูกค้า ตลาดทองเป็นตลาดที่ใหญ่ ตลาดรวมมูลค่าปีหนึ่งโวลุ่มทองทั้งนำเข้าและส่งออกของทางแบงค์ชาติอยู่ประมาณ 200 กว่าตัน จริงๆ โวลุ่มซื้อขายมากกว่านั้นเพียงแต่ว่าไม่ได้เปิดเผยออกมา ด้านตลาดจีนเอง เขามาดูแล้ว เขาสนใจทอง 99.99 % ส่วนทอง 96.5 % เมื่อจีนซื้อไปจำหน่ายที่นั่นราคาจะตกกว่าเยอะ แต่ทอง 99.99 % แบรนด์อื่นๆ เวลาเขาซื้อไปราคาโดดสูงขึ้นมากกว่าประเทศเขาเยอะ ซึ่งช่องว่างระหว่างทอง 99.99% กับทอง 96.5% เยอะมาก เราจะเล่นช่องว่างตรงนี้ที่จะทำให้ราคาอยู่ในมาตรฐานที่เขาจะยอมรับได้ เพราะเรื่องดีไซน์เขาสนใจฝีมือไทยอยู่ ปัจจุบัน ชายน์นิ่ง โกลด์ มีพนักงานทั้งหมด 500 คน ช่างฝีมือ 150 คน ทีมดีไซเนอร์ 5 คน โดยส่วนหนึ่งช่างฝีมือมาจากเด็กจบใหม่ ความต่างของที่นี่คือการเปิดโอกาสให้เขาสามารถพัฒนาชิ้นงานจนออกมาเป็นผลงานทั้งชิ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ช่างฝีมือได้เข้าร่วมการประกวดตามงานต่างๆ ทั้งระดับประเทศและระดับโลก กลุ่มเป้าหมายของ แบรนด์ แบรนด์ ชายน์นิ่ง โกลดด์ วางเป้าหมาย คือ กลุ่มเป้าหมายเป็นทอง 99.99 เน้นลูกค้าที่ต้องการงานฝีมืองานสวยงาม ด้านยอดขาย ถ้าเทียบกับร้านส่ง จากการกระจายให้ร้านทั่วประเทศและในร้านที่ co ด้วย น่าจะประมาณ 1 ตันหรือ 2 ตันต่อปี หรือ ประมาณ 2,000 ล้านบาท ถ้าแยกทองแท่งปีหนึ่งประมาณ 100,000 กว่าล้านบาท ส่วนทองร้านส่งรูปพรรณก็สิบตัน เราแยกเซคชั่นของแต่ละแบรนด์ สำหรับประมาณการตลาดรวมทองคำในประเทศไทย มีการผลิตและจำหน่ายราว 250 ตันต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะทองคำเป็นทั้งเครื่องประดับที่สวมใส่ในโอกาสทั่วไปในพิธีต่างๆ รวมทั้งเป็นการลงทุนชนิดหนึ่งที่มีทิศทางที่ดี ด้านตลาดออนไลน์ คุณกวาง เผยว่า “โดยในส่วน งาน Gold Online ที่รับผิดชอบอยู่จะเป็นเรื่องของการเทรดดิ้งออนไลน์ การบริหารเงิน-บริหารทอง ดูทิศทางตลาดของทองว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องให้ทันเวลาการซื้อขาย ซึ่งการลงทุนในทองคำ แท่งออนไลน์จะไม่เหมือนทองกระดาษหรือ Gold Futures เมื่อก่อนจะซื้อทองคำแท่ง ต้องเดินทางไปซื้อที่ร้านทองตู้แดง เยาวราช ชำระเงินเต็มจำนวนก่อนเพื่อจะรับ/ส่งสินค้า(ทองคำแท่งจริง) แต่พอมาเป็น Gold Online ก็เป็นเหมือนการเสนอทางเลือกใหม่ ด้วยการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต/โทรศัพท์ แทนการเดินทางมารับ/ชำระโอนเป็นเงินสด รวมถึงการ บริหารฝากทองก็ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถนัดหมาย รับทองในเวลาทำการที่ลูกค้าสะดวก สำหรับ Gold Online จะมีเลือกลงทุน 2 แบบคือ 1. ทองคำแท่ง 96.5% (มาตรฐานทองไทย) น้ำหนัก 1 กรัม - 50 บาท 2. ทองคำแท่ง 99.99% LBMA (มาตรฐานโลก) น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์ของ กระเป๋าเงินลูกค้าแต่ละรายว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นนักลงทุนรายย่อย ทุนทรัพย์น้อยก็เลือกลงทุน แบบแรกคือทองคำแท่ง 96.5 % ที่เปิดพอร์ตการลงทุนซื้อขายได้ตั้งแต่ราคาทองคำแท่ง 5 บาท 10 บาท หรือ 20 บาท ก็ได้ ซึ่งกวางจะบินไปดูงานที่ประเทศอิตาลีทุกปี เพื่อไปอัพเดทเรื่องเทคโนโลยีเกี่ยวกับเรื่องการผลิตทองแท่ง ทองรูปพรรณ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะในส่วนของธุรกิจทองแท่ง หรือ Gold Online เรื่องเทรดดิ้งบริษัท ของกวางมีเสถียรภาพและความปลอดภัยสูงเพราะใช้ระบบเดียวกันกับธนาคารชั้นนำใหญ่ๆ ของประเทศไทย ดังนั้นนักลงทุนสามารถหมดห่วงในเรื่องนี้ได้ อีกอย่างหนึ่งกวางก็มีการปรับปรุงให้เหมือนทางแบงก์เมืองนอก ด้วยเวลาซื้อขายแค่กดคลิ๊กปุ๊บก็ได้ทองปั๊บ มีการตั้งราคาซื้อขายเหมือนหุ้นตัวอย่าง เช่น หน้าเว็บลูกค้า ต้องการราคาเท่านี้บาท พอราคาวิ่งไปถึงราคาที่ลูกค้ากำหนดไม่ว่าเวลานั้นจะเป็นช่วงตี 3 ตี 4 ลูกค้าก็จะได้ ราคาตามนั้น โดยที่ไม่ต้องมารอเวลารู้ผลรวมถึงลูกค้าสามารถตั้งเวลาได้ด้วยว่าถ้าต้องการ ซื้อ/ขาย ทอง เวลานี้จะได้เท่าไร “ คุณกวาง - เอเกต กล่าวท้ายสุดว่า “สิ่งที่กวางทำในเรื่องการออกแบบจิวเวลรี่ทองลายไทยโบราณ เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะงานฝีมือจากช่างทองไทยที่มีความวิจิตร ละเอียดและปราณีต เพื่อให้ชาวต่างชาติและชาวไทยได้รู้จักแบรนด์ของคนไทย ลวดลายของไทยเพื่อไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา” ในปีหน้า ชายน์นิ่ง โกลด์ จะเปิดร้านเพื่อรองรับงานคอลเลคชั่นและงาน Made to order ภายใต้แบรนด์ SHINING GOLD แถวดิ โอลด์ สยาม นอกเหนือจากงานที่กระจายอยู่ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงการเปิดตัวเวปไซต์จำหน่ายทางออนไลน์และแอพพลิเคชั่นเพื่อให้เข้าถึงในทุกช่องทางการตลาดอีกด้วย