Update Newsกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาท่องเที่ยว B Tripที่พักสุขภาพแหล่งเที่ยวไลฟ์สไตล์

สัมผัสเส้นทางท่องเที่ยว”น้ำพุร้อน ออนเซ็นแดนใต้” กับกรมการท่องเที่ยว ตอกย้ำนำไทยสู่สุขภาพโลก

กรมการท่องเที่ยวจัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเชื่อมโยงจังหวัดระนอง พังงา และกระบี่อย่างเป็นทางการ นำสื่อมวลชนและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวลงพื้นที่จริงตามเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อน เพื่อสัมผัสศักยภาพและความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้อง พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ตอกย้ำการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ นำไทยสู่เป้าหมายเมืองสุขภาพโลก
กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการพัฒนามาตรฐานสินค้าและการบริการด้านการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในระดับมาตรฐาน ได้พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเชื่อมโยง จังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย โดยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้จัดกิจกรรม “เปิดเส้นทางท่องเที่ยวออนเซ็นแลถิ่นน้ำพุร้อนแดนใต้ กับกรมการท่องเที่ยว” ขึ้น ณ เดอะ ฮอทสปริง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดพังงา เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล เรียนรู้เส้นทางการท่องเที่ยวน้ำพุร้อน การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนและแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในเส้นทางน้ำพุร้อน โดย B Tripnews ได้ร่วมเดินทางไปสัมผัสกับบรรยากาศ เส้นทางน้ำพุร้อนเชื่อมโยง 3 จังหวัดในครั้งนี้ด้วย 

นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวถึงที่มาของโครงการฯ ว่า “กรมการท่องเที่ยวได้เล็งเห็นความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourismซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริม พัฒนา สินค้าและบริการเพื่อสร้างจุดขายทางการท่องเที่ยว โดยน้ำพุร้อน ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ มีแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนหลายแห่งที่จัดการโดยชุมชนท้องถิ่นและเอกชนที่มีความพร้อม หากมีการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว ก็จะสามารถช่วยฟื้นรายได้การท่องเที่ยวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้



โดยกรมการท่องเที่ยวได้จัดทำคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอื่น แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนและแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อน และออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ในเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนจังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ เพื่อส่งมอบคู่มือเส้นทางท่องเที่ยว แผนพัฒนา และแบบสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าว ให้กับหน่วยงานในพื้นที่นำไปพัฒนาเพื่อเสริมศักยภาพเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนต่อไป โดยกรมการท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่าการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนในครั้งนี้ จะสามารถสร้างความโดดเด่นแก่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยได้”



DAY 1 

โดยจุดแรกเมื่อเดินทางไปถึงภูเก็ต เรานั่งรถตู้ไปยังจังหวัดพังงาและแวะเยี่ยมชมสถานที่แรกคือ สถานีบริการ ปตท. สนามบินภูเก็ตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะอาเซียน เมื่อวันที่ 1 มค. 64 - 31 ธค. 2565 จากกรมการท่องเที่ยว 



 

 

ที่พิเศษคือนอกจากมีการตกแต่งสถานที่ให้มีความเป็นธรรมชาติแล้ว ยังสะอาดสะอ้าน และสำหรับคนที่เข้ามาใช้บริการ จะได้ยินเสียงตามสาย คอยเตือนให้เช็คของใช้ประจำตัวเพื่อไม่ให้ลืมไว้ในห้องน้ำอีกด้วย 

หลังจากนั้นเราก็เริ่มทริปกันด้วยอาหารรองท้อง จากร้านจี้ลิ่ว ที่นี่มีอาหารหลากหลาย ขนมจีนก็มีให้เลือกหลายน้ำตามแต่ต้องการ โดยเฉพาะผักแซม ที่มีมากจนไม่แน่ใจว่า ผักอะไรชื่ออะไร 



 

 

ก่อนจะเดินทางกันต่อไปยัง เดอะ ฮอทสปริง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดพังงา กับกิจกรรม “เปิดเส้นทางท่องเที่ยวออนเซ็นแลถิ่นน้ำพุร้อนแดนใต้ กับกรมการท่องเที่ยว” โดยมีนายไพบูลย์ กุลแพง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา ผู้บริหารรีสอร์ท และสื่อมวลชนร่วมงาน 

 





 

ในโอกาสนี้ นายไพบูลย์ กุลแพง ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพังงา นำคณะสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมลงพื้นที่จริงเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนหลายแห่งของจังหวัดพังงาและกระบี่ตามเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อน ภายใต้แนวคิด “Creative Hot Spring แช่สารพัดน้ำ เที่ยวสารพัดนึก” 



 



 



บริเวณน้ำร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาไม่เคยเหือดหาย ตั้งอยู่ด้านหลังรีสอร์ท แหล่งส่งต่อน้ำเข้าสู่ภายในรีสอร์ท  ไม่ว่าจะเป็นพูลวิลล่า สระน้ำออนเซ็นต์



ผู้บริหาร เดอะ ฮอทสปริง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดพังงา ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นรวมถึงห้องพักสะดวกสบาย สวยงาม หากใครต้องการพักผ่อนกับบรรยากาศที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและความเป็นส่วนตัวอีกทั้งห้องพักมีหลายรูปแบบ เราแนะนำที่นี่เลย ไม่ผิดหวัง 



 

 

 

หลังจากนั้น คณะสื่อมวลชนจากการนำของกรมการท่องเที่ยวก็เดินทางกันต่อไปยัง บ่อน้ำร้อนรมณีย์ บ่อน้ำร้อนที่พัฒนาและบริหารจัดการโดยชุมชน มีบ่อน้ำร้อนจำนวนมากที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติ 









 

ชุมชนได้จัดบ่อวีไอพีแยกส่วนสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว 

  

 

และ บ่อกลางขนาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาใช้บริการได้ 

 



 

ภายในอาคารเอนกประสงค์ พี่ๆ จากชุมชนทำขนมพื้นถิ่นมารอต้อนรับ

 

 



นอกจากนี้ บริเวณลานจอดรถยังมีสินค้าชุมชนของชาวชุมชนเอาไว้บริการ ทั้งผ้าบาติคและของที่ระลึก 

 

ซึ่งคุณลุงช่างศิลป์ฝีมือเยี่ยมจัดที่นั่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากลองลงสีผ้าบาติกด้วยตัวเอง 

 

หลังจากนั้น เราก็เดินทางกันต่อไปยัง ธารน้ำพุร้อนปลายพู่ (ปากพู่) ธารน้ำร้อนธรรมชาติที่รักษาสภาพของธารน้ำร้อนไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ที่นี่มีชาวชุมชนนำไข่ใส่ชะลอมขนาดย่อมเอาไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวสำหรับไปเปิดประสบการณ์การต้มไข่จากบ่อธารน้ำร้อนกัน 















 





DAY 2

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเช็คเอาท์เรียบร้อย เราเดินทางกันไปยังจุดแรก ที่"บ้านโคกไคร" อ.ทับปุด จ.พังงา โดย คุณสมพร สาระการ ประธานกลุ่มเครือข่ายพัฒนาอาชีพเกษตรกรบ้านโคกไคร คุณนิกร สาระการ และพี่ๆ ชาวชุมชน ให้การต้อนรับ 



 

 

 

 

 

บริเวณฐานหินผา กลางทะเล จะมีจุดไฮไลท์คือ หินรูปหัวใจ ให้ได้ยลกัน 





 



 

 

ผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีเอาไว้ให้บริการ บริเวณศูนย์เรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้าน และระบบนิเวศป่าชายเลน ที่นี่การจัดแพคเกจการท่องเที่ยวเอาไว้หลากหลาย ทั้งแบบเต็มวันและแบบครึ่งวัน แต่อย่างไรก็ตามหากจะมาเที่ยวต้องติดต่อกับทางศูนย์ฯ ก่อนเพราะ เขามีแพคเกจสปาโคลน ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับน้ำด้วย แต่สำหรับการล่องเรือเพื่อชมบรรยากาศและการทานอาหารทะเลสดซึ่งขึ้นชื่อสุดๆ คือ หอยนางรม ขนาดสาวๆ พี่เขาบอกมา เพราะเป็นหอยนางรมของฟาร์มชาวบ้าน ซึ่งจะมีขนาดไม่ใหญ่แต่สามารถทานได้พอดีคำ รวมถึงการบอกขั้นตอนการทานหอยนางรมให้อร่อย ทริคการแกะก้ามปูให้ออกมาสวยงามน่าทาน เรียกว่าสิ่งที่ไม่เคยรู้ทั้งที่คุ้นชินกับการทานอาหารทะเลสดจะทำให้คุณๆ รู้สึกอะเมซิ่งกันเลยทีเดียว 

ที่นี่ก่อนสถานการณ์โควิด - 19 ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะความสดของอาหาร ความเป็นธรรมชาติของสถานที่ และที่สำคัญคือความมีน้ำใจและใส่ใจในการดูแลนักท่องเที่ยวของพี่ๆ ชาวชุมชน ทำให้ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่อยากให้มาเยือนกัน  





 

 

 



 

 

อะแฮ่ม หลังทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ก็เดินทางกันต่อ คราวนี้ไปที่ คลองหรูดหรือคลองหนองทะเล จ.กระบี่ เพื่อไปพายเรือคายัค กิจกรรมที่ขอบอกเลยว่า ใครมาต้องติดใจกับความงดงามทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งจริงๆ 

ตามกันมาเลย ... ที่นี่เป็นคลองน้ำจืดสายเล็กๆ คล้ายๆ กับป่าพรุที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ 



เมื่อมาถึง จะมีเจ้าหน้าที่แนะนำการพายเรือคายัคให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมกับมีเสื้อชูชีพ ถุงกันน้ำ เอาไว้ให้บริการ สิ่งสำคัญของการพายเรือคายัคที่นี่คือความใจเย็น ต้องค่อยๆ ละเลียดชมบรรยากาศตรงหน้า เพราะตลอดทางจะต้องคอยมองในน้ำเพราะจะมีตอไม้ขนาดเล็กตลอดทางให้ได้พายงัด พายหน้า พายหลังกันไปตลอดทาง เรียกว่าถ้ามากันกับแฟนก็ต้องรู้ใจกันไม่งั้นอาจจะมีทะเลาะกันได้ 555 

ที่นี่เรามีโอกาสมาเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกการพายคายัคจะยากกว่ามากเพราะน้ำน้อย ทำให้ตอผุดมาเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับครั้งนี้ น้ำขึ้นจึงทำให้พายกันได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน

 

  



 

 

 

 

จริงๆ แล้ว ที่นี่หากพายเข้าไปด้านในสุด จะเป็นตาน้ำผุด เมื่อปรบมือน้ำยิ่งผุดขึ้นมาให้ได้เห็นชัดเจน ที่บริเวณนี้น้ำใสแจ๋วมาก มองเห็นบัวภายใต้น้ำและเหล่าปลาตัวเล็กๆได้อย่างชัดเจน เรียกว่าน่าทึ่งมากๆ 

นักท่องเที่ยวที่ไม่เคยพายเรือคายัค บอกเลยว่าไม่ต้องกลัว เพราะหากไม่อยากพายเองก็ปรึกษาพี่ๆ เขา เขามีบริการพายพาไป หรือหากจะลองเป็นประสบการณ์ละก็ พี่เขาก็จะพายคายัคตามกันไปให้ เพราะหลายคนอาจจะตกใจเมื่อเรือไปติดตามตอไม้ จริงๆ ใช้ไม้พายกวักน้ำถอยหลัง หรือไม่ก็ดันๆ เอาเดี๋ยวก็หลุดตอ 

หลังจากพายคายัค สะบักสะบอมกันเล็กน้อย เราก็เดินทางกันต่อไปยัง "อุทยานน้ำพุร้อนกระบี่" เราพบคุณลุงคุณป้า ที่เป็นผู้ดูแลสถานที่รอคอยต้อนรับอยู่ 

คุณลุง เล่าว่า ที่นี่ มีบ่อน้ำร้อนที่เจอตั้งแต่เมื่อ 120 ปีมาแล้ว โดยผู้ที่พบเจอคนแรกคือพระธุดงค์ ซึ่งมาถือศีลที่นี่ โดยเดินทางมาจากวัดเขาอ้อ พัทลุง ซึ่งผู้ที่เล่าให้ฟังสืบกันมาคือ ยายทรัพย์อายุ 99 ปี บ้านอยู่ในระแวกใกล้เคียงเล่าให้ฟัง 



 

 

 

บอกเลยว่า ที่นี่ค่อนข้างกว้าง มีบ่อไว้บริการหลายบ่อ แต่บ่อที่พบโดยพระธุดงค์ ถือเป็นบ่อศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่เปิดให้ลงไปแช่น้ำ แต่สามารถตักน้ำขึ้นมารดตัวหรือล้างหน้าเพื่อเป็นสิริมงคลได้ 

ส่วนจะแช่น้ำ บริเวณอุทยานฯ มีให้เลือกหลายบ่อ ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ด้วยเพราะความที่เจอสถานการณ์โควิด ทำให้ดูแล้วยังต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าที่ ...แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะส่งให้ที่นี่ได้รับความนิยมกลับมาอีกครั้งคงจะเป็นคุณลุง คุณป้าที่ใส่ใจกับการเข้ามาใช้บริการ 



 

 

 

 

"เมื่อก่อนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติมากันเยอะมาก เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีเลย อยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ลุงหน่อยครับ" คุณลุง บอกกับเราก่อนจะติดสินบนด้วยกล้วยหลายหวีที่วิ่งตามเอามาให้ถึงรถเมื่อเราลากลับกัน 

ด้วยเพราะเวลาที่มีไม่มากนัก ทำให้ได้แค่ขอบคุณทั้งคุณลุงคุณป้า ก่อนจะเดินทางไปชมน้ำพุร้อนที่อื่นต่อ 

น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม บ่อน้ำพุร้อนเค็มที่ดำเนินการโดยหน่วยงานท้องถิ่น 









 



 

 

 

 

 

 

 

 




"ที่นี่สระจะทำความสะอาดทุกวัน" คำบอกเล่าของผู้บริหาร น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม จึงไม่น่าแปลกใจว่า เพราะเหตุใด สระที่นี่จึงดูสะอาด น่าลงแช่น้ำซะจริงๆ โดยบ่อน้ำพุร้อนเค็มนั้นอยู่ในบริเวณเขตป่าชายเลนคลองบางผึ้ง ประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนเค็มที่เรียงรายเล็กใหญ่หลายบ่อ อุณหภูมิน้ำในบ่อประมาณ 40-47 องศาเซลเซียส 

เป็นบ่อน้ำผุดมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ มีบ่อธาราบำบัด มีบ่อเล็กๆสำหรับเด็กๆ แช่เล่นได้ และบ่อขนาดใหญ่ รวมถึงมีห้องสปาที่บริการโดยชุมชนไว้บริการอีกด้วย 

และสถานที่สุดท้ายของวันนี้ คือ น้ำตกร้อนเค็มคลองท่อม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประบางคราม จังหวัดกระบี่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้มาตรฐาน มีบ่อแช่น้ำแร่ร้อนรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม





 

ที่นี่ต้องจอดรถจากประตูทางเข้าและเดินเท้าประมาณ 300 เมตรเพื่อเข้าสู่ธารน้ำตกร้อน ด้วยเพราะเป็นธารน้ำพุร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติ ทำให้มีอุณหภูมิที่พอเหมาะตกลงมาในแอ่งสามารถเล่นน้ำได้ บริเวณธารน้ำตกร้อนขนาดเล็ก นักท่องเที่ยวจะชอบมานั่งแช่น้ำตกที่นี่เพื่อรักษาสุขภาพ แต่หากไม่เดินไปถึงน้ำตก ก็สามารถแช่ได้ที่บ่อน้ำตามเส้นทาง



น้ำตกร้อนจังหวัดกระบี่ ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen Thailand อีกหนึ่งแห่งของกระบี่ ตัวน้ำตกตั้งอยู่ในอ.คลองท่อม ใกล้กับสระมรกต เป็นอ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่า 



น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม ตั้งอยู่ใกล้กับ วารีรัก ฮ็อต สปริง แอนด์ เวลเนส บ่อน้ำแร่ร้อนเอกชนและรีสอร์ทที่มีความสะดวกสบาย ให้บริการสปา การรักษาสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ 

ทำให้หลังจากแวะน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมเสร็จ ไม่นานเราก็มาถึงที่พัก ที่วารีรัก ฯ รีสอร์ท ที่จัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพเอาไว้อย่างมากมาย น้ำแร่วารีรักมีอุณหภูมิอยู่ที่ 42 - 54 องศาเซลเซียส น้ำจากน้ำพุร้อนของวารีรักมีักษณะเป็น " Fluoride Containing Calcium Sulphate Bicarbonate Thermal Water" ซึ่งได้รับการรับรองจาก Institute Fresenius ว่าได้มาตรฐานเป็น Natural Medicine Water "

น้ำแร่ที่นี่บริสุทธิ์ สะอาด ไม่มีกลิ่น หรือรสใดๆ เจือปน และยังมีค่า pH ที่ตรวจได้เท่ากับ 7 ซึ่งหมายถึงว่าค่ามีความเป็นกลางสามารถนำมาใช้ดื่่มหรือมีความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว 

ตลอดสามสิบปีของการดำเนินธุรกิจด้านนี้จนได้รับรางวัลตลอดมา รายละเอียด B Tripnews จะนำเสนออีกครั้งในบทสัมภาษณ์พิเศษ 



ผู้บริหาร วารีรัก ฮ็อต สปริง แอนด์ เวลเนส





แช่น้ำกันในหมู่สาวๆ เป็นบ่อแยก ชายและหญิง 

 

หลังจากนั้น มีบริการนวดเพื่อผ่อนคลาย ประมาณ 15 นาที 

 

กิจกรรมต่างๆ สามารถสอบถามได้จากทางรีสอร์ท โดยตรงเพราะมีทั้งแพคเกจเต็มวันที่รวมกับที่พัก หรือหากไม่พักก็จะเป็นอีกแพคเกจหนึ่ง โดยมีทั้ง โยคะ การแช่น้ำร้อน อาหารสำหรับสุขภาพ 



    

ทางเดินไปอ่างออนเซ็น ด้านหน้าท่ามกลางธรรมชาติ 

 

 







 



 

DAY 3

หลังจาก เช็คเอาท์กันออกมาจาก วารีรัก ฯ ทางกรมการท่องเที่ยวยังได้นำเราเดินทางกันต่อไปยัง ท่าเรือ พอร์ต ตะโกลา ที่ที่ซึ่งในอดีตเคยเป็นนากุ้ง 





นายพลวัต ณ นคร กรรมการผู้จัดการทั่วไป Port Takola Yacht Marina & Boatyard 



ร้านอาหารที่นำเสนออาหารแนวฟิวชั่นแสนอร่อย 











 

 









องค์พระพิฆเณศ ผู้ปกปักษ์รักษาสถานที่ พร็อต ตาโกลา ซึ่งไม่ไกลกันนัก โดยสถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ อย่างสวยงาม นอกจากจะเป็นส่วนของท่าจอดเรือยอร์ชและบริการซ่อมบำรุงเรือแห่งใหม่ของกระบี่ อีกส่วนเป็นสวนอิศระ ซึ่งปัจจุบันปรับพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สามารถนั่งเรือโดยฝีมือการพายของชาวบ้านในชุมชน โดยไปสิ้นสุดกันที่บ้านเลขที่ 1 ซึ่งเป็นบ้านเลขที่แรกของจังหวัดกระบี่ สร้างตั้งแต่สมัยอดีตที่ผ่านมา 





















 

 

บ้านเลขที่ 1 ของจังหวัดกระบี่ ที่กำลังจะได้รับการบูรณะ 



และแล้วทริป... เปิดเส้นทางท่องเที่ยวออนเซ็น...แลถิ่นน้ำพุร้อนแดนใต้ กับกรมการท่องเที่ยว ครั้งนี้ถือว่า... เป็นการเปิดประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ หลายต่อหลายแห่งที่ไม่เคยได้รับรู้อีกทั้งความเข้าใจผิดๆ ต่อการแช่น้ำพุร้อน ซึ่งไม่ใช่มีประโยชน์เพียงเพื่อการบำบัดรักษาร่างกาย แต่ยังหมายถึงการได้ผ่องถ่ายความสมบูรณ์ของการรักษาสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจอีกด้วย 

น้ำพุร้อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว อีกทั้งการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเชื่อมโยง จังหวัดระนอง พังงา และกระบี่ ยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก (Thailand Riviera) ที่ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนองการประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อนให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น

จึงเป็นการสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ดีแก่ประเทศ ตอกย้ำศักยภาพของไทยที่วางเป้าหมายเป็นเมืองด้านสุขภาพของโลก สร้างรายได้โดยใช้จุดแข็งด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากรายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวนั้น จะนำไปสู่การจ้างงานและการพัฒนาสินค้าและบริการอื่นๆ ต่อไป

ต่อจากนี้ กรมการท่องเที่ยวจะนำแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนและแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงในเส้นทางท่องเที่ยว รวมถึงบุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่เข้าสู่การรับรองมาตรฐานต่างๆ ต่อไป 

ทั้งนี้ ประชาชน ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สามารถขอรับคู่มือเส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อน แผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนและแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยง และแบบสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนได้ที่กองพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว โทรศัพท์ 0 2141 3333 ต่อ 13210 ในวันและเวลาราชการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ DOT Contact Center 0 2401 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง และเว็บไซต์ https://www.dot.go.th

#กรมการท่องเที่ยว #น้ำพุร้อนกรมการท่องเที่ยว #CreativeHotSpring #แช่สารพัดน้ำเที่ยวสารพัดนึก #เส้นทางท่องเที่ยวน้ำพุร้อน