วันนี้ (10 พ.ค.60) ณ อำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร เวลา 09:00 น. พลเอกวิทยา วชิรกุล ที่ปรึกษาวิทยาป้องกันราชอาณาจักร พร้อมด้วย นายสมชัย บูรณะ นายอำเภอน้ำยืน นางวาสนา คำโส นายก อบต.โดมประดิษฐ์ และ ทีม สาธารณสุข อำเภอ ได้เดินทาง ไปมอบรถเข็นโยก และยาเวชภัณฑ์ สำหรับคนพิการจากทุ่นระเบิด ให้แก่ นายเจีย กิมเส็ง นายอำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหาร ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่อำเภอจอมกระสาน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศสองประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อำเภอน้ำยืนเป็นอำเภอที่ติดชายไทย กัมพูชา ซึ่งมีระเบิดหมู่บ้านตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชาในอดีตเคยลุกโชนไปด้วยไฟสงครามอย่างยาวนานหลายทศวรรษนับตั้งแต่สงครามประชาชนที่เริ่มตั้งแต่ช่วง พ.ศ 2508 ระหว่างรัฐไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อด้วยการปะทุหนักในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรแดงในช่วงปี 2522 หลังจากฝ่ายสนับสนุนเวียดนามสามารถบุกเข้ายึดพนมเปญเมืองหลวงของกัมพูชาในปีเดียวกัน ทำให้ฝ่ายเขมรแดงต้องถอยร่นมาอยู่ทางตะวันตกติดกับแนวชายแดนไทย การถอยร่นของทหารเขมรข้ามเข้ามาในเขตแดนไทยเกิดขึ้นหลายครั้ง ตลอดภาวะสงครามกลางเมืองของกัมพูชา “เป็นลักษณะที่ว่าเขมรรบกันเองแล้วหนีข้ามมาฝั่งไทย คนในหมู่บ้านก็หนีเข้าไปแถวในอำเภอ” ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าย้อนอดีตบรรยากาศช่วงสงคราม
ในปี 2538 เหตุสงครามความวุ่นวายในกัมพูชาเริ่มสงบลงหลังมีการลงนามในข้อตกลงสันติภาพของกลุ่มต่างๆ ส่งผลให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนเองก็เริ่มสงบลงตามไปด้วย
แม้เสียงปืนจากสงครามเริ่มสงบลง แต่เสียงที่ยังคงดังอยู่คือเสียงระเบิดของทุ่นระเบิดที่หลงเหลืออยู่จำนวนมากตามแนวป่า ซึ่งถูกติดตั้งไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อปกป้องกันฝ่ายตรงข้ามยามฝ่ายของตนเพลี่ยงพล้ำ ทำให้ตามแนวชายแดนเต็มไปด้วยระเบิดไม่ทราบฝ่าย หลายครั้งในสงครามทุ่นระเบิดก็ได้ทำร้ายคนที่ติดตั้งมันเอง แต่หลังสงครามสงบเหยื่อส่วนมากที่โดนทำร้ายจะเป็นพลเรือนทั่วไป เหยื่อที่บังเอิญเหยียบลงในทุ่นระเบิดด้วยน้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม แรงระเบิดจะเหวี่ยงร่างเหยื่อผู้นั้นขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วตกลงมาพื้นดินพร้อมกระดูกขาที่แหลกร้าว ซึ่งทุกคนต้องตัดขาทิ้งเพื่อแลกกับชีวิต แม้ว่าต่อมาจะเริ่มมีการปักปันเขตอันตรายไว้แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าทางที่สัญจรไปมาอยู่ทุกวันจะปลอดภัยจากทุ่นระเบิด
อ้างอิงข้อมูลทุ่นระเบิดจาก : THE ISAAN RECORD
ภาพ/ข่าว: ณะรินทร์ศาล์ งามวงศ์
Post Views: 50