Update Newsธุรกิจธุรกิจ-เศรษฐกิจพลังงาน

“บีไอจี” โชว์คอมเพล็กซ์ก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรพร้อมลงทุนรับอีอีซี

“บีไอจี” ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของไทยกว่า 30 ปี พร้อมลุยขยายธุรกิจรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี เปิดบ้านโชว์ประสิทธิภาพเทคโนโลยีและนวัตกรรมโรงแยกอากาศ แห่งที่ 3 (BIG 3) คอมเพล็กซ์ก๊าซอุตสาหกรรมด้วยกำลังการผลิตกว่า 530,000 ตันต่อปีในนิคมฯ เหมราชชลบุรี




นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรของประเทศไทยมากว่า 30 ปี เปิดเผยว่าวันนี้ (17 ตุลาคม 2561) ได้นำคณะสื่อมวลชน เยี่ยมชมโรงแยกอากาศแห่งที่ 3 หรือ Integrated Industrial Gas Complex ซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์ก๊าซอุตสาหกรรม ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นโรงแยกอากาศที่ดำเนินงานด้วยเทคโนโลยี และมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับโลกจากบริษัทแม่ - แอร์โปรดักส์ แอนด์ เคมิคัลส์ อิงค์ (AP) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่มฟอร์จูน 500 และได้รับคัดเลือกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices : DJSI) ติดต่อกัน 9 ปี


ทั้งนี้ด้วยความเป็นผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมครบวงจรของไทยมากว่า 30 ปี บริษัทฯ มีความพร้อมทั้งทางด้านเทคโนโลยีการผลิตและบริการที่ครบวงจร สำหรับต่อยอดโอกาสในการลงทุน รองรับการเติบโตของภาคการผลิตและสถานประกอบการในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0










ปัจจุบันโรงแยกอากาศแห่งนี้ มีขนาดกำลังการผลิตก๊าซอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศด้วยกำลังการผลิตกว่า 1,400 ตันต่อวัน หรือ 530,000 ตันต่อปี แบ่งเป็น การผลิตไนโตรเจนเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 200,000 ตันต่อปี การผลิตออกซิเจน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเหล็ก กระจก การแพทย์ รวมถึงการนำไปใช้ในระบบบำบัดน้ำเสีย จำนวน 300,000 ตันต่อปี และการผลิตอาร์กอน สำหรับการเชื่อมโลหะเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 11,000 ตันต่อปี
 

สำหรับกระบวนการผลิตดังกล่าว เป็นนวัตกรรมการนำอากาศมาแยกเป็นก๊าซต่าง ๆ ผ่านการลดอุณหภูมิในหอกลั่นจนได้ผลิตภัณฑ์ทั้งในรูปของก๊าซและของเหลว สำหรับส่งให้กับลูกค้าทางท่อภายในนิคมและทางรถบรรทุกก๊าซจัดส่งทั่วประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ภายใต้แคมเปญ Infinite Innovation เพื่อรองรับการบริหารจัดการการใช้งานก๊าซอุตสาหกรรมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและทราบข้อมูลแบบ Real-Time ด้านการใช้งาน ปริมาณสินค้าคงคลัง และสถานะการจัดส่งก๊าซได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าที่ใช้ก๊าซอุตสาหกรรม สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัลในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
 

“ก๊าซอุตสาหกรรม ถือเป็นหัวใจหลักต่อภาคอุตสาหกรรมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน และยังมีแนวโน้มการเติบโตตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งโรงงานส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ก๊าซอุตสาหกรรมในการผลิตเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถเพิ่มมูลค่า เป็นไปตามแนวทางของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับสินค้าไทย ทั้งในด้านการสร้างความแตกต่างและการสร้างคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” นายปิยบุตร กล่าว 


ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตก๊าซอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านตันต่อปี มีโรงแยกอากาศตั้งอยู่ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดชลบุรี และระยอง โดยที่ผ่านมาได้มีการขยายการให้บริการในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยการใช้ระบบเทคโนโลยีในการควบคุมการผลิตจากศูนย์ควบคุมการผลิตภายในโรงแยกอากาศแห่งที่ 3 การให้บริการหน่วยผลิตก๊าซเคลื่อนที่ และผลิตภัณฑ์ก๊าซแบ่งบรรจุที่มีโรงงานแบ่งบรรจุก๊าซเป็นของตนเอง (Packaged Gases Filling Plant) รวมทั้งการติดตั้งถังบรรจุก๊าซขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในสถานประกอบการที่มีความต้องการใช้ก๊าซอุตสาหกรรมต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม และโรงพยาบาล เป็นต้น


สำหรับโรงแยกอากาศแห่งที่ 3 (BIG 3) เปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 และ มีการขยายกำลังการผลิตไนโตรเจนเพิ่มขึ้นในส่วนต่อขยายอีกจำนวน 150,000 ตันต่อปี ในปี พ.ศ. 2558 ที่ผ่านมา ทำให้เป็นโรงแยกอากาศที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศไทย