พม. ขับเคลื่อน พ.ร.บ.ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ.2562 สร้างสังคมคุณภาพอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ณ ห้องประชุม ชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองประธานกรรมการคนที่ 2 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ 1/2562 โดยมีนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัด พม. ในฐานะกรรมการ และนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.)ในฐานะกรรมการและเลขานุการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายเอ็นนู กล่าวว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2562 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 การประชุมวันนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาประเด็นที่สำคัญ 3 เรื่อง ดังนี้
1) การกำหนดให้คณะกรรมการสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามพระราชบัญญัตินี้ชั่วคราว จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 15 (3) ซึ่งจะต้องแต่งตั้งให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
2) การจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อส่งเสริม สนับสนุน ให้ความช่วยเหลือ และพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคม และกลุ่มกิจการเพื่อสังคมให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เรียกโดยย่อว่า “สวส.” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Office of Social Enterprise Promotion” เรียกโดยย่อว่า “OSEP” ตั้งอยู่ ณ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการชั้น 6 เลขที่1034 ถนนกรุงเกษม แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร หมายเลขโทรศัพท์ 0 2659 6473 และ 0 2659 6475 e-mail osep@dsdw go.th
3) ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการสรรหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. …. (มาตรา 15 (3)) ซึ่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะมาจากนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวน 8 คน ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือกลุ่มกิจการเพื่อสังคม 3 คน ผู้ปฏิบัติงานในภาคเอกชน 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น 2 คน โดยผู้ปฏิบัติงานในภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจะต้องมาจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเงิน ด้านการลงทุน ด้านกฎหมาย ด้านสื่อสารมวลชน ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านพัฒนาสังคม ด้านการตลาด หรือด้านการออกแบบ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) คาดหวังว่าในปีนี้ วิสาหกิจเพื่อสังคมในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันมาตรการจูงใจทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อให้ภาคเอกชนหันมาลงทุนในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มากยิ่งขึ้น และในส่วนของ พม. พร้อมที่จะสนับสนุน เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้วิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นที่รู้จัก รวมทั้งบูรณาการสร้างความตระหนักให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศไทยอย่างเป็นองค์รวมในด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป นายเอ็นนู กล่าวในตอนท้าย