Update Newsสังคมสังคม/CSR

พม. รับฟังข้อเสนอปิดผนึกเสียงสะท้อนของคนไร้ที่พึ่ง ในวันคนไร้ที่พึ่ง 2563

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2563 เวลา 10.00 – 16.00 น. ณ บ้านปันสุข (บ้านมิตรไมตรีธนบุรี) นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เป็นผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมรับฟังและรับข้อเสนอจดหมายปิดผนึกจากเสียงสะท้อนของคนไร้ที่พึ่ง ในงานวันคนไร้ที่พึ่ง 2563 หรือ Homeless Day 2020 “พึ่งตนเอง มีที่พึ่ง เป็นที่พึ่ง #เธอกับฉันเราเป็นเพื่อนกัน”

การจัดงานในวันนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิอิสรชน กับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และภาคีเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานพลังเครือข่ายในการทำงานภาคสังคม ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและภาคเอกชน มีบทบาทในการทำงานภาคสังคมมิติใหม่ สร้างจิตสำนึกให้สังคมแห่งสวัสดิการ มีจิตอาสาและการแบ่งปัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาพื้นฟู ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ให้สังคมรับรู้ ตลอดจนเกิดพลังการร่วมมือกันภายใต้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์ที่เท่ากัน

สืบเนื่องจาก องค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้ วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็น วันที่อยู่อาศัยโลก (World Habitat Day) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ในโลก ได้ให้ความสนใจกับสถานการณ์การอยู่อาศัยและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ตลอดจนสิทธิพื้นฐานของการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และเพื่อสร้างความตระหนักในความรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการให้มนุษย์ทุกคนมีที่อยู่อาศัยในอนาคต

จากความสำคัญดังกล่าว ผู้ปฏิบัติงานเพื่อให้ความช่วยเหลือบุคคลเร่ร่อน ไร้ที่พึ่งทั่วโลก จึงได้ร่วมกันกำหนดให้มี วันคนไร้บ้าน (World Homeless Day) ในทุกวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี

ประเทศไทยได้มีการจัดงานเพื่อคนไร้บ้านอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 โดยมีการบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมในการจัดงาน และใช้ชื่องานว่า “วันผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ”

สำหรับในปีนี้ งานวันคนไร้ที่พึ่ง 2563 (Homeless Day 2020) ได้จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “พึ่งตนเอง มีที่พึ่ง เป็นที่พึ่ง #เธอกับฉันเราเป็นเพื่อนกัน” กิจกรรมในงาน ประกอบด้วย
1. การเปิดตัววีดิโอหนังสั้น “Homeless in Covid's Time – คนเร่ร่อนช่วงโควิด”
2. การบรรยาย และเสวนาในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
- การบรรยาย เรื่อง “เจาะลึกชีวิตคนเร่ร่อนไร้ที่พึ่งและข้อเสนอจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูล” โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานมูลนิธิอิสรชน
- การบรรยาย เรื่อง “สถานการณ์คนไร้ที่พึ่งในปี 2563” โดย นางสาวอัจฉรา สรวารี เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน
- การเสวนา เรื่อง “เวทีฟังเสียง...จากคนไม่มีเสียง” โดย นายแพทย์ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย, ผู้แทนจากมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย, ผู้แทนจากภาคประชาสังคม และผู้แทนจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ดำเนินรายการโดย คุณพรทิพย์ โม่งใหญ่ ผู้สื่อข่าว Workpoint 
3. นิทรรศการ การออกบูธทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ และภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย
- บูธประชาสัมพันธ์การให้บริการ และให้คำปรึกษาเพื่อการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ โดย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน สำนักพัฒนาสังคม กทม. และมูลนิธิอิสรชน
- บูธสาธิตและประชาสัมพันธ์หลักสูตรการฝึกอาชีพที่เหมาะสม พร้อมการรับสมัคร โดย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
- บูธให้บริการตัดผม โดย โรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. และอาสาสมัครปลุกพลังเปลี่ยนไทย
- บูธให้ความรู้การปฏิบัติตัววิถีชีวิตใหม่ (New Normal) และบริการตรวจคัดกรองวัณโรค โดยกรมควบคุมโรค และกรมสุขภาพจิต









นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ รองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวว่า กิจกรรมการรับฟังและรับข้อเสนอจดหมายปิดผนึกจากเสียงสะท้อนของคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งมูลนิธิอิสรชน เป็นผู้รวบรวมความคิดเห็นจากกลุ่มคนเร่ร่อน ผู้ใช้ชีวิตสาธารณะ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มคนเร่ร่อนถาวร 2. กลุ่มคนเร่ร่อนหน้าใหม่ โดยเน้นกลุ่มคนตกงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และ 3. กลุ่มที่มีความเสี่ยงในการต้องมาเร่ร่อน ผ่านกระบวนการ Focus Group ใน 5 จังหวัด ในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และกรุงเทพมหานคร





พบว่า ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะยังขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐ และกลุ่มนี้ยังมีจำนวนมากที่ถูกผลักให้ต้องออกมาเป็นคนเร่ร่อน ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะจากโครงสร้างสังคมที่ไม่เท่าเทียม ดังนั้นการจัดเวทีในครั้งนี้ จะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างคนเร่ร่อน ผู้ใช้ชีวิตสาธารณะกับหน่วยงานราชการ มาร่วมกันผลักดัน ระบบสวัสดิการที่เหมาะสม ให้ประชาชนมีหลักประกัน มีความมั่นคงในชีวิต กระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างเท่าเทียมในฐานะมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะให้ เข้าถึงสิทธิ์ เข้าถึงที่อยู่อาศัย เข้าถึงสถานะ และการรักษาพยาบาล โดยต้องการให้จัดบริการที่เหมาะสมกับกลุ่มคนดังกล่าว