Update Newsการตลาดธุรกิจ-เศรษฐกิจพาณิชย์เศรษฐกิจ

พาณิชย์จัดจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจไทย-จีนมุ่งบรรลุเป้า 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

วันนี้ (24 สิงหาคม 2561) กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสายเศรษฐกิจของไทย จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจการค้าการลงทุนระหว่างนักธุรกิจผู้ซื้อผู้นำเข้าและนักลงทุนระดับชั้นนำจากไทยและจีน ณ โรงแรม แบงคอก แมริออท มาร์คีย์ เนื่องในโอกาสที่มนตรีแห่งรัฐ (นายหวัง หย่ง) และคณะผู้บริหารระดับสูงภาครัฐเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจไทย-จีน) ครั้งที่ 6 ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 – 26 สิงหาคม 2561 




กิจกรรมจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมคู่ขนานการประชุมดังกล่าว โดยได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก องค์กรส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Council for The Promotion of International Trade) หรือ CCPIT สำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศจีน Bank of China ธนาคารกรุงเทพ และธนาคาร ICBC ที่ได้ผนึกกำลังนำนักธุรกิจชั้นนำทั่วประเทศจีนเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมคู่ขนาน ตลอดจนกิจกรรมจับคู่และสร้างพันธมิตรธุรกิจด้านการค้าการลงทุนในครั้งนี้รวมกว่า 400 ราย 

ส่วนใหญ่อยู่ในภาคธุรกิจ อาหาร เกษตรและเกษตรแปรรูป พลังงาน ธุรกิจก่อสร้าง โลจิสติกส์ ฟินเทค อากาศยาน นวัตกรรม อิเล็กทรอนิกส์ อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ และมีนักธุรกิจไทยเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและพันธมิตรการค้าเกือบ 300 ราย คาดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้นให้สามารถบรรลุเป้ามูลค่าการค้า 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน


นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “กิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความร่วมมือระหว่างสองประเทศที่จะผลักดันและขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นในอนาคต จีนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้บรรลุเป้าหมาย 140,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 ตามที่ท่านรองนายกรัฐมนตรีสมคิด ได้ให้คำมั่นร่วมกับท่านหวังหย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน 

โดยกรมมีแผนรองรับเพื่อเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก เน้นขยายความร่วมมือการค้า การลงทุน สร้างเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ (Strategic Partnership) ใช้การตลาดนำการผลิต (Demand Driven Market Approach) สู่เมือต่างๆ ของจีนไม่ว่าจะเป็นเมืองหลัก เมืองรอง ตามหัวเมืองต่างๆของจีนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมุ่งขยายความสัมพันธ์กับเมืองท่าสำคัญๆ ต่างๆ อย่างเช่น ชิงต่าว เซี่ยเหมิน การเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์การค้าของไทยกับเส้นทางหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BIR) ของจีน สู่เมืองพื้นที่ด้านในของจีนอย่างเช่น เฉิงตู ฉงชิ่ง กุ้ยหยาง ซีอาน หลานโจว เพื่อเชื่อมต่อไปยังจีนด้านในและเอเชียกลาง” 
 

“พร้อมนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังได้เร่งรัดขยายตลาดสินค้าและบริการไทยผ่านช่องทางการค้าสมัยใหม่ด้วย เช่น E commerce รวมถึงการผลักดันความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบข้อมูลและการติดตาม (Logistics) และศักยภาพของกำลังคน (Digital Talent) ซึ่งจะสามารถส่งเสริมการค้าทั้งทางช่องทาง Online และ Offline (OMNI channel) ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยสามารถเข้าสู่ตลาดจีน โดยจีนสามารถใช้ไทยเป็น Digital Hub ทางการค้าในอาเซียนด้วยเช่นกัน” นางจันทิรากล่าวเสริม พร้อมตอกย้ำความมั่นใจกลยุทธ์และแผนจะทำให้บรรลุเป้าหมายมูลค่าการค้าดังกล่าวแน่นอน
สำหรับมูลค่าการค้าไทยและจีน ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 การค้าสองฝ่าย มีมูลค่ามากกว่า 73,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 12 สินค้าสำคัญได้แก่ สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรม