กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ บ่มเพาะเอสเอ็มอี 18 แบรนด์อย่างเข้มข้น ภายใต้กิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย รุ่นที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางการค้า เน้นสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ พร้อมแข่งขันในระดับโลก
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการดำเนินงานของกิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย รุ่นที่ 3 (IDEA LAB 3:Thai Brand Incubation Program) ภายใต้โครงการส่งเสริมแบรนด์สินค้าและบริการไทยสู่ตลาดโลก หรือ MOC 4i : Thai Brand Heroes Program ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ขณะนี้กรมฯ ได้คัดเลือก 18 แบรนด์ จาก 145 แบรนด์
ได้แก่ ALI, BHAESAJCHAKORN, CLAMP IT, HOCOMAT, HONGKOO, ING ON, JOJO’s GRANOLA, KAEW, KHRAM, MAE PLOY THUNG-KULA, MDMATE, ORGA ORGANIC, PAPADA KHON KAEN, RABBITGOGREEN, SARNSARD, SLEEP SELECT, SUKANTHA, และ THE STORIES OF SILVER&SILK
โดยเป็นกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และหัตถกรรม ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเข้าร่วมฝึกอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการและสร้างเครือข่ายและการให้คำปรึกษาเชิงลึกด้านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์แบรนด์ไทยในมิติสากล สมการในการสร้างแบรนด์ เข้าใจถึงคุณค่าของแบรนด์ รู้จักการสร้างเรื่องราว กำหนดจุดยืนให้กับแบรนด์ เทคนิคการครองใจลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า
ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบัน ผู้บริโภคหลายประเทศทั่วโลกยินดีที่จะมีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ก่อนตัดสินใจซื้อ และหลังจากอบรมอย่างเข้มข้นนี้แล้วแต่ละแบรนด์จะไปทำการบ้าน เพื่อนำเสนอกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ตัวเอง ต่อคณะกรรมการ รับประกาศนียบัตรและคู่มือกลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์ต่อไปในวันที่ 25 กันยายน 2563
จากการดำเนินกิจกรรม 2 รุ่นที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ นำความรู้ไปต่อยอด มองเห็นคุณค่าในตัวเองชัดขึ้นและเข้าใจตัวตนของแบรนด์ที่แท้จริง ที่สำคัญคือการได้รับกลยุทธ์เพื่อสร้างแบรนด์นั้นเปรียบเสมือนเข็มทิศ สามารถเดินตามได้ในระยะยาว ช่วยให้เกิดการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ปรับกลุ่มเป้าหมายและแนวทางการสื่อสารทางการตลาดที่ชัดเจนขึ้น บางรายได้ Rebranding บางรายได้สินค้าใหม่เพื่อเจาะฐานลูกค้ามากขึ้น สินค้าที่ดีอย่างเดียวคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในตลาดหากไม่สามารถสื่อสารถึงใจผู้ซื้อได้
“ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ ทำให้โอกาสในการกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะช่องว่างระหว่าง Local กับ Global นั้นแคบลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่จะต้องมีฐานสนับสนุน หรือมี Network of Shared Values ที่แข็งแกร่งจากเครือข่ายภายในประเทศเสียก่อน เพื่อก้าวขึ้นไปแข่งขันในระดับโลกได้ กรมฯ คาดหวังให้กิจกรรมบ่มเพาะแบรนด์ไทย รุ่นที่ 3
ภายใต้แนวคิด From Local Wisdom to Global Market ในครั้งนี้ จะเพิ่มศักยภาพให้แก่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากได้นำต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นแปรรูปสู่ความสำเร็จทางการค้า เกิดการสร้างงาน สร้างความเข้มแข็งในชุมชน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจสู่ระดับสากลได้ต่อไป” นายสมเด็จ กล่าว
Post Views: 46