วันนี้ (26 มิ.ย. 60) เวลา 11.00 น. นายณรงค์ คงคำ โฆษกกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) มีความห่วงใยถึงกรณีหญิงไทยที่เดินทางไปใช้ชีวิตในแดนอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นและบางคนกับประสบกับปัญหาการใช้ชีวิต ว่า ปัจจุบันคนไทยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเป้าหมายในชีวิตไม่ว่าจะเป็น เพื่อการศึกษา การทำงาน หรือแม้กระทั่งเพื่อแต่งงานและใช้ชีวิตคู่กับชาวต่างชาติของหญิงไทย เนื่องจากสังคมในกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เปิดกว้างในการติดต่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมระหว่างประเทศ
ซึ่งหญิงไทยบางคนประสบความสำเร็จ แต่บางคนประสบความล้มเหลวในชีวิต โดยมีปัญหาที่เกิดจากความหลากหลายและความแตกต่างทางด้านสังคม วัฒนธรรมประเพณี ภาษา และกฎหมาย เป็นต้น รวมทั้งการเตรียมความพร้อมอย่างรอบด้านก่อนเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศอีกด้วย
นอกจากนี้ หญิงไทยบางคนยังประสบปัญหา ถูกทำร้ายร่างกาย และถูกหลอกไปค้าประเวณี เป็นต้น ทั้งนี้ ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ เฝ้าระวัง เตือนภัย ให้ความรู้ และแก้ไขปัญหามาโดยตลอด เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในต่างประเทศ
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) มีภารกิจในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิกับผู้หญิงไทยทุกกลุ่ม โดยได้ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้หญิงที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอบรมให้ความรู้และรับฟังการถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากผู้ที่เคยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศให้กลุ่มเป้าหมายได้เตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ได้ง่ายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ได้จัดทำเว็บไซต์หญิงไทย (www.yingthai.net) และแอพพลิเคชั่น “Yingthai” เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่มีประโยชน์
รวมทั้งการติดต่อสอบถามและแจ้งขอรับความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษาต่าง ๆ ตลอดจนเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงไทยและคนไทยทุกคนที่จะเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศและอยู่ระหว่างการตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศอีกด้วย
“นอกจากนี้ พม. ยังได้พัฒนาศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 บริการ 24 ชั่วโมง ให้สามารถติดต่อได้ทั่วโลกตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยที่พำนักในต่างประเทศได้มีการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับเครือข่ายหญิงไทยในต่างประเทศอย่างเข้มแข็ง เช่น เครือข่ายหญิงไทยในยุโรป และเครือข่ายหญิงไทยในญี่ปุ่น เป็นต้น และการจดทะเบียนเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ในต่างประเทศเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากภาครัฐ อีกทั้งขยายขอบเขตกองทุนสวัสดิการสังคมให้ครอบคลุมกลุ่มคนไทยในต่างประเทศ” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวในตอนท้าย
Post Views: 55