รมว.พม.เร่งติดตามความคืบหน้า นักพัฒนาสังคมทุจริตเงินราชการ ย้ำชัดไม่ไว้หน้าผู้ทุจริต
วันนี้ (20 ก.ย. 64) เวลา 12.20 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วย นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีนักพัฒนาสังคมทุจริตเงินราชการ และประเด็นความเคลื่อนไหวของเครือข่ายองค์กรชุมชน รวมทั้งกรณีคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ปรับระบบให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ผ่านการถ่ายทอดสด (Live) ผ่านเพจ Facebook พม. (SocialMsociety) ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม.
นายจุติ กล่าวว่า เรื่องการทุจริตในหน่วยงานของกระทรวง พม. ตนยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ และตนซึ่งเป็นรัฐมนตรีจะไม่ไว้หน้าผู้ทุจริตไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือเป็นข้าราชการระดับไหน รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่าปราบทุจริต ฉะนั้นเรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นนั้นต้องขอขอบคุณปลัดกระทรวง พม. ที่ทำงานเชิงรุก สามารถระงับความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ และวันนี้ผู้ที่กระทำความผิดได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยจะมีการอายัดทรัพย์ ซึ่งตนได้ให้นโยบายไว้ว่าให้รื้อระบบที่ผ่านมาทั้งหมดของทุกกรมในสังกัด พม. ไม่ใช่เฉพาะกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พม.) และจะสลับตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับระบบนี้ เปลี่ยนทีมสลับกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับประชาชนด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของจำนวนเงินที่ทุจริตนั้น ในเบื้องต้นจากที่ตนรับทราบมีประมาณ 10 กว่าล้านบาท ที่มีการทุจริตไป ฉะนั้นเมื่อการสอบสวนยังไม่สิ้นสุดและยังไม่ครอบคลุมทุกส่วน การที่ตนมารายงานว่าจำนวนตัวเลขเท่าไหร่จะเป็นการพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงขอให้ทำการสอบสวนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ขณะนี้ ตนขอให้มีการเร่งสอบสวนทุกอย่างว่าสรุปแล้วยอดเสียหายเท่าไร โดยงบประมาณนี้เป็นงบประมาณที่ไม่เกี่ยวข้องกับงบของประชาชน แต่จะเป็นเงินส่วนไหน ทางกระทรวง พม. หนีจากความรับผิดชอบไม่พ้น และในวันนี้ ตนได้เรียนปลัดกระทรวง พม. ไปแล้วว่าผลการสอบสวนจะเป็นใคร จะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำไปพาดหัวข่าวว่าเป็นการทุจริตเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง ตนยืนยันว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินเยียวยา ทุกคนจะคิดว่าเป็นเงินของคนพิการถูกยักยอก ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด ทำให้คนพิการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเงินเบี้ยความพิการที่เป็นเบี้ยของเขา เงินที่จะไปช่วยเหลือเขาจะไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ความจริง โดยเงินส่วนนี้เป็นเงินนอกงบประมาณ เป็นเงินที่ไม่เกี่ยวข้องกับคนพิการ เพราะเป็นเงินประกันสัญญาเวลาที่คนมาทำงานร่วมกับกระทรวง โดยเขาจะเอาเงินมาสร้างหลักประกันไว้ก่อน และเขาจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ เพื่อป้องกันการหลบหนีและการทิ้งงาน นายจุติ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ได้ไปอายัดทรัพย์ของคนทุจริตไว้เรียบร้อยแล้ว ตนเชื่อว่าจะได้คืนมาบางส่วน ถ้าได้ไม่หมดก็ต้องไปขอให้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดูเส้นทางการเงิน ถ้าเจอเส้นทาง ก็จะรู้ว่าเงินไปอยู่ที่ไหนบ้าง ส่วนวันนี้จะได้เงินคืนมาครบหรือไม่ เรายังไม่ทราบได้ ซึ่งตนก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าทำได้คนเดียวจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอผลสอบสวนก่อน ตนยังไม่กล้าประกาศก่อนว่าเป็นอย่างไร ขอให้ฟังผลสอบสวน ซึ่งไม่นานเราก็จะทราบ โดยระยะเวลาการดำเนินการตนอยากให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ จะไม่มีการปกปิดหรือยื้ออะไรทั้งสิ้น ตนอยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด ส่วนในเรื่องของการป้องกันการทุจริต ขณะนี้ตนได้สั่งการไปว่าต้องเอาทุกหน่วยงาน ทุกกรมมา จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดก็ตาม จะให้ฝ่าย IT เข้าไปช่วยตรวจสอบ และต้องรื้อระบบใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนขั้นตอนและบุคลากรใหม่ แต่ถ้าระบบดีอยู่แล้ว แต่คนเป็นผู้ทุจริตก็ต้องเปลี่ยนที่คน เราต้องไปตรวจสอบว่าส่วนไหนเป็นจุดอ่อน ในส่วนของผู้ทุจริตนั้นที่ตนได้รับรายงานมาว่าเขาเป็นผู้มีรหัสผ่าน ซึ่งตนขอให้เขาตรวจสอบแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางอธิบดี พก. ได้ทำการไปอายัดบัญชีผู้ทุจริตแล้ว ซึ่งส่วนนี้เป็นเงินประกัน ไม่ได้กระทบกับใคร เป็นเงินที่วางประกันเอาไว้ เรายังมีเวลาที่จะทำงานเพื่อเอาคืนตรงส่วนนี้ อย่างไรก็ตามหากเกิดความเสียหาย ใครก็ตามที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องมีส่วนในการชดเชย อยากให้ทุกคนมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่มีซูเอี๋ย (เห็นใจกัน) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับมาว่าอย่าให้มีการทุจริตเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด นายจุติ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องของการบริหารกำกับงานของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. หน่วยงานในสังกัดของกระทรวง พม. ตนขอยืนยันว่า การทำงานนั้นได้ปล่อยให้เป็นเรื่องขององค์การมหาชน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวง พม. ตนมีอำนาจในการกำกับ ดังนั้น การดำเนินงานทุกอย่างต้องขึ้นกับผู้อำนวยการ ผู้บริหารของ พอช. การที่มีการพูดว่าคณะกรรมการหมดอายุทำงาน ไม่ได้เป็นข้อมูลเท็จ เพราะเรื่องจริงคือคณะทำงานและรักษาการทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และทำงานมาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่มีบางท่านมีความเห็นที่แตกต่างจากกระทรวง พม. ตนได้คุยกับปลัดกระทรวง พม. แล้ว ว่าจะจัดตั้งคณะทำงานสอบสวนเรื่องนี้ ถ้ามีใครไปขัดขวาง ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ หรือมีข้อบกพร่องก็ให้ปลัดกระทรวงจัดการได้ทันที ตนนั้นเปรียบเสมือนบุรุษไปรษณีย์ มีกฎหมายบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายจัดตั้ง พอช. เราทำทุกอย่างพร้อม ตนมีหน้าที่นำสรุปนี้ไปส่งให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ หากพัสดุมีตำหนิก็จะต้องถูกตีกลับมา และนำเรื่องกลับคืนมาสู่ พอช. ดังนั้นเป็นเรื่องของ พอช. ที่จะต้องทำเรื่องให้ถูกต้อง ตนเชื่อว่าในกระทรวง พม. นี้ ไม่มีใครไปขัดขวาง หรืออยากจะให้ พอช. เสียหาย เพราะทุกคนยึดประโยชน์ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ถ้าเกิดมีการกระทำที่ไม่ถูกต้อง หน้าที่จะต้องตรวจสอบให้เสร็จภายใน 30 วัน ห้ามล่าช้า เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปด้วยดี ส่วนท่านใดที่มีความเห็นแตกต่างทางการเมือง อยากขอร้องว่าอย่าเอาปัญหาการเมืองมาอยู่เหนือปัญหาของประชาชนตนจะไม่ทะเลาะกับใคร จะตั้งใจทำงาน แต่ถ้าองค์กรไหน เครือข่ายไหน มีข้อสงสัยอยากจะมาพบตน สามารถเข้ามาพบได้ นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ขณะนี้ เป็นการเสนอทางเลือกว่าจะเอาอย่างไรกับเบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเขามีข้อเสนอมา ดังนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ต้องตกลงว่าจะเอาแนวทางไหน โดยจะต้องนำไปเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ตนอยากเรียนให้ทราบว่า อย่าเอาการเมืองมาเป็นเรื่องบังหน้า ขอให้ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งตนพร้อมที่จะตอบคำถามทุกคนในทุกเรื่อง