สุขภาพไลฟ์สไตล์

สธ.เฝ้าใกล้ชิด-ตรวจคัดกรองคนตามด่านสนามบิน หลังพบ “ไวรัสอีโบลา”ระบาดใน “คองโก”

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวองค์การอนามัยโลกรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาในในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DR Congo) ที่มีการแพร่ระบาดเข้าสู่เขตเมืองและผลการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม มีความเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ถึงระดับที่จะประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ สถานการณ์ผู้ติดเชื้ออีโบลาในพื้นที่ดีอาร์คองโกตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.- 17 พ.ค.2561 มีผู้ติดเชื้อแล้ว 45 ราย โดยเป็นผู้ป่วยที่ยืนยัน14 ราย และมีผู้ป่วยที่สงสัยและรอผลยืนยันโรครวม 31 ราย อย่างไรก็ตาม หน่วยงานในพื้นที่ที่ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ของโรคแล้ว
            นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาตามระบบที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ 1.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 2.โรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน และ 3.ในระดับชุมชน โดยเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองผู้ที่มีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดในทุกๆ ช่องทางเข้า-ออก ทั้งที่ด่านสนามบิน ด่านท่าเรือ และด่านชายแดน และติดตามอาการจนครบ 21 วันตามมาตรฐานที่กำหนด หากมีไข้จะรับเข้าดูแลในโรงพยาบาลที่จัดเตรียมไว้ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เพื่อให้การรักษาตามมาตรฐานที่กำหนด และจะติดตามอาการผู้สัมผัสทุกคน ปัจจุบันมีผู้เดินทางจากประเทศดีอาร์คองโกมาประเทศไทยประมาณ 30-50 คน/เดือน โดยทุกคนได้รับการตรวจ คัดกรองตามมาตรฐานที่ด่านควบคุมโรคฯ ของสนามบิน ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยโรคติดเชื้ออีโบลาแต่อย่างใด
            สำหรับไวรัสอีโบลา เป็นเชื้อไวรัสที่มีค้างคาวกินผลไม้เป็นพาหะ และเป็นโรคที่ติดต่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการสัมผัสโดยตรงหรือรับประทานสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ หรือสัมผัสสารคัดหลั่ง และการติดต่อจากคนสู่คน โดยการคลุกคลีใกล้ชิด สัมผัสกับเลือด สารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ เป็นต้น           อาการสงสัยหลังสัมผัสเชื้อ ได้แก่ มีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว
           ดังนั้น วิธีการป้องกันของโรคติดเชื้ออีโบลา คือ 1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่นำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรคทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย 2.หลีกเลี่ยงการรับประทานสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่าหรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422