InterviewUpdate Newsประชาสัมพันธ์แหล่งกินไลฟ์สไตล์

สัมผัสเสน่ห์อาหารไทยสไตล์กินนรี ที่ “Kinnaree Gourmet Thai” ในป่าหิมพานต์ 

จากถนนสุขุมวิท ย่านที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่สัญจรไปมาหลากหลายเชื้อชาติ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินสวนผลัดเปลี่ยนมากหน้าหลายตา แต่เมื่อเดินลัดเลาะเข้าสู่ภายในซอยสุขุมวิท 8 ราว 300 เมตร จะพบกับร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ชื่อ กินนรี ร้านแห่งนี้เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานถึงสิบเจ็ดปีผ่านเรื่องราวเรื่องเล่ามากมาย ไม่เพียงสถานที่แต่หมายถึงประสบการณ์ของเจ้าของร้าน การออกแบบตกแต่งร้าน และอาหารไทยที่รังสรรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย จนได้รับรางวัลมากมาย อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรมและที่ปรึกษา ด้านร้านอาหารไทยในต่างประเทศ คุณหน่อย วนัสนันท์ กนกพัฒนางกูร หรือ Vanessa WU คือผู้ที่เราอยากให้รู้จักไปพร้อมกับอาหารไทยที่เป็นที่กล่าวขานในหมู่ชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ก่อนจะเป็นกินนรี

… เมื่อปี 2534 จนถึง 2548 คุณหน่อยเริ่มดำเนินธุรกิจและให้คำปรึกษาร้านอาหารไทย ณ ประเทศฝรั่งเศส ปี 2541 เริ่มจัดตั้งบริษัท ไอยรา เซ็นเตอร์ จำกัด เพื่อส่งออกสินค้าตกแต่งบ้าน ร้านอาหารและส่งออกของชำร่วย

ปี 2544 ร่วมเปิดร้านอาหารไทยภายใต้แนวคิดที่ร้านอาหารเป็นหน้าร้าน โชว์สินค้าไทยที่ประสบความสำเร็จและเป็นจุดเริ่มต้นของการทำ Restaurant Concepteur

ภายหลังมีโอกาสจัดตั้งร้านอาหารไทยในรูปแบบที่หลากหลายทั้งร้านอาหารไทย ร้านอาหารจีนและร้นอาหารเอเชี่ยนสไตล์ ซึ่งเป็นการริเริ่มหาแนวคิดตลอดจนถึงการเปิดร้านและจัดส่งสินค้าวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง

ปี 2549 จัดตั้ง บริษัทกินนรี กูรเม่ ไทย จำกัด เพื่อพัฒนาร้านอาหารและให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ

และในอีกหนึ่งปีต่อมา 2550 ร้านอาหาร กินนรี ก็ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ สุขุมวิท ซอย 8 ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีโครงการ Thai Food Meets World โดยจัดเทศกาลอาหารไทยร่วมกับโรงแรมในต่างประเทศ ทั้งประเทศในยุโรปและจีน

ปี 2554 เปิดหลักสูตรอบรมการเปิดร้านอาหารไทยภายใต้โครงสร้าง Restaurant Concepteur ร่วมกับ Sichuan Tourism University ณ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน  

ปี 2018 ได้รับรางวัล Top Chef Asian

ปัจจุบัน คุณหน่อย เป็นกรรมการผู้จัดการ Kinnaree Gourmet Thai Co,Ltd ( Kin Academy) , Aiyara Center Co,Ltd , Aiyara Center ( China ) Co,Ltd

เป็นประธาน ( Chairperson ) Southeast Cuisine Committee และ รองประธาน ( Vice President ) Cold Dishes Art Committee of China Culinary Association และ….

….ถ้าจะเอ่ยอีกก็คงไม่หมด เรียกว่า ยังมีอีกมากมายที่ผู้หญิงเก่งคนนี้ริเริ่มวิจัยจวบจนปัจจุบัน ถือว่าเป็นผู้ที่สร้างอาหารไทยให้ประจักษ์มาแล้วทั่วโลก โดยเฉพาะด้านมาตรฐานอาหารไทย ซึ่งเมื่อปี 2554 เมื่อครั้งเปิดหลักสูตรการเปิดร้านอาหารไทย ที่เฉิงตู เรามีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปสัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง

กินนรี ในป่าหิมพานต์

… ร้านอาหารกินนรีในวันนี้แตกต่างจากสิบเจ็ดปีก่อน กว้างขวางโอ่โถงงดงามยิ่งกว่าเดิม ด้วยเพราะการปรับโฉมเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยคอนเซ็ปต์ป่าหิมพานต์

คุณหน่อย เล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านกินนรี ว่า ร้าน กินนรี เปิดมาสิบเจ็ดปีแล้ว เมื่อตั้งชื่อร้าน “กินนรี” ก็มีเรื่องเล่าที่อยู่ภายใต้ชื่อ ทราบกันอยู่แล้วว่า “กินนรี” เป็นสัตว์ในวรรณคดีที่มีรูปร่างครึ่งนกครึ่งผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ เราเล่าเรื่องนี้ให้กับลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติฟัง ซึ่ง “กินนรี”เรื่องราวเป็น Love Story ของคนไทย เขามีโรมิโอ & จูเลียต เราก็มีพระสุธนกับมโนราห์ พระสุธนมโนราห์อยู่ในสระอโนดาต การตกแต่งร้านจึงเน้นตกแต่งให้มีดอกไม้ ใบไม้ ให้ความเป็นธรรมชาติ รวมถึงอาหารด้วย

ความที่เปิดมาสิบเจ็ดปีแล้ว เราก็ reconcept  ร้าน เพื่อทําให้อาหารไทยของร้านกินนรีเป็นอาหารคลาสสิค เป็นอาหารที่อยู่คู่ประเทศได้เลย ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง ปลา กะเพรา พี่ถือว่าเป็นอาหารคลาสสิกในประเทศไทย เรามาปรับโครงสร้าง แล้วปรับความคิดว่า อาหารธรรมดาในบ้านเรา แต่เป็นอาหารที่คนต่างชาติเขา ว้าว !!! เป็นอาหารที่เมื่อมาเมืองไทยจะต้องมากิน

จึงเปลี่ยนคอนเซ็ปต์จากอาหารที่เคยเป็นรูปร่างเดิม ๆ ใน “กินนรี” ให้เป็นดูทันสมัยให้ดูเด็กขึ้น ให้มีความร่วมสมัยเพื่อให้คนต่างชาติรับอาหารแล้วก็สื่อสารในวัฒนธรรมอาหารไทยเราได้ด้วย”

ค้างคาวเผือก 

หลังจากสนทนากันได้สักพัก คุณหน่อยก็เริ่มเล่าให้ฟังถึงเมนูแรกที่พนักงานเสริฟเป็นจานแรก เราเริ่มเดินทางเรียนรู้เรื่องราวของอาหารไทยไปด้วยกัน ตั้งแต่จานแรกของร้านกินนรีกันเลย…  

“อาหารจานแรกเป็นอาหารจานทอด ชื่อ ค้างคาวเผือก” คุณหน่อยเริ่มเล่าให้ฟัง

วันนี้ เรานำเสนออาหารจานแรก ที่อยากให้ทานก่อน เป็นอาหารจานทอด  ค้างคาวเผือก อาหารโบราณ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แกะจากสูตรโบราณ แล้วนำมาลองทําเป็นอาหารร่วมสมัยได้ อาศัยจานชามที่ดูสวยงาม แล้วใช้ข้าวเม่ากรอบเพื่อที่จะให้ทานไปด้วย และนำดอกไม้ทานได้ ซึ่งดอกไม้ทุกอย่างที่ตั้งอยู่ในจาน เราสามารถทานได้หมด”  

ยำส้มโอ

ต่อมาเป็น ยําส้มโอ คุณวนัสนันท์ เล่าต่อว่า “ยำส้มโอ คือเราพยายามใช้ผลไม้ไทยเสริฟ แล้วทําให้เกิดยำแดง ยําแดงคือสีของน้ำยำ จะมีตัวน้ำพริกเผาเป็นส่วนช่วยทำให้ออกเป็นสีแดง และเพิ่มความน่าทานด้วยกลิ่นหอมของมะพร้าวคั่วและกลิ่นหอมของน้ำมันน้ำพริกเผา มีท็อปอัพด้วยหอมเจียว 

ซึ่งเมนูนี้ใช้เวลานานมากในการที่จะต้องเจียวหอม หั่นหอม แล้วก็ใช้ฝีมือในการยํา รสชาติจะไม่เผ็ด แต่จะเน้นความหอมและมีความเปรี้ยว เหมาะสําหรับทานในหน้าร้อน ซึ่งในเมืองไทยคนต่างชาติจะชอบมาก เมื่อมาถึงที่ร้านกินนรีมาเมืองไทยต้องทานผลไม้ไทย แล้วมาทานยำไทย”  

ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนลำไย

ถัดมาอีกหนึ่งเมนูที่ “กินนรี” แนะนำ คือ ซุป 

…. เป็น “ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนใส่ลำไย” โดยได้ความหวานจากลําไย ปกติจะทานลำไยเป็นผลไม้หรือไม่ก็ข้าวเหนียวเปียกลำไย แต่วันนี้อยากให้ลองดูว่า ลำไยสามารถที่จะใช้ความหวาน มาเป็นส่วนประกอบอาหารในต้มแซ่บ ทำให้ความเปรี้ยวเค็มของต้มแซ่บให้เกิดความละมุน หางนิดนิด พอเราเคี้ยวลําไยไปจะทําให้รู้สึกว่าไม่เผ็ด 

เมี่ยงคำ

ถัดมาเป็นเมนู เมี่ยงคำ เสริฟมาในภาชนะที่ต่างชาติเห็นแล้ว ว้าว ! อีกเช่นกัน วันนี้เมี่ยงคำถือเป็นตัวชูโรงให้อาหารไทยเลยทีเดียว เพราะว่ามี Herb เยอะมาก แล้วก็เป็น DIY เจ้าของกินนรีบอก

“… หมายความว่าลูกค้าสามารถเห็นว่าในจานนี้ มีขิง มีพริก มีมะนาวหั่น มีหอมแดง มีมะพร้าว ซึ่งเป็นมะพร้าวซอยและอบ จะไม่ใช้กุ้งแห้ง แต่เราจะใช้กุ้งเพราะฝรั่งบางทีทานกุ้งแห้งแล้วจะรู้สึกว่าแข็งและมีกลิ่นคาวมากกว่ากุ้ง นอกจากนี้ก็จะมีไก่และถั่ว

สิ่งสำคัญคือตัวน้ำซอสมีความกลมกล่อม มีความหอม เครื่องปรุงรสกลมกล่อม ทานกับใบชะพลู วิธีการห่อ บางทีก็ทำให้ลูกค้าเห็นเลยว่า คนไทยสมัยโบราณทานด้วยมือ เพราะฉะนั้นเมื่อทาน และกัดเข้าไปข้างใน ลูกค้าจะชอบมาก เพราะเขารู้สึกสนุกที่ได้ทานอาหารแบบนี้” 

ลาบเป็ดส้มกินรี

มาถึงอีกเมนูรสชาติอร่อยมากเช่นกัน เป็ดหั่นเรียง เคียงข้างด้วยส้มแกะชิ้น ราดด้วยน้ำลาบ

… ด้วยความที่เราใช้ผลไม้ ก็ใช้ส้ม จะทำให้ความเผ็ดจัดจ้าน ซึ่งส้มกับเป็ดมันคู่กันเลย เมื่อทานคู่กันและมีน้ำลาบ สิ่งที่เป็นเสน่ห์คือ หอมแดง เวลาเรากินลาบแล้วกัดหอมแดงเข้าไปจะรู้สึกเข้ากัน และรู้สึกว่าลงตัวด้วยความสดชื่นของหอมแดงและมีหมี่กรอบด้วย  

ห่อหมกทะเล

ถัดมาเป็นเมนูที่ค่อนข้างจะถูกใจลูกค้า ตั้งแต่ภาชนะที่ใส่มาแล้ว มะพร้าวทั้งลูก

“ห่อหมกทะเลก็มีผลไม้เป็นส่วนประกอบอีกแล้ว มะพร้าว เราขูดเอาเนื้อมะพร้าวอ่อนลงมาผัดกับพริกแกงแดง  เมนูนี้ก็ว้าว เช่นกัน เราจะได้ความหอม ความมันของตัวมะพร้าว บวกกับตัวกะทิและพริกแกงแดง และความสดของเครื่องปรุงรสก็จะมีของทะเล ทานไปแล้วก็ต้องคลุกเคล้าด้วยอาหารจานย่าง

ปลาย่างทักษิณา

สำหรับเมนูนี้ บางคนอาจจะมองว่า ทานยาก หากไม่ชอบสะตอ แต่บอกเลยว่า รสชาติทานง่าย

คุณหน่อย เล่ายิ้มๆ ว่า “ใช่คะ เมนูปลาย่างทักษิณา เราจะคลุกซอสให้มีรสชาติเค็ม หอม ทักษิณาก็จะใช้สะตอ หมู ใช้พริกเหลืองเพื่อให้เกิดความหอม สีจะสวย สองอย่างนี้ดูไม่เข้ากันนะแต่นำมาทานด้วยกันได้” 

ข้าวผัดปลาร้า

และเมนูสุดท้าย ซึ่งคุณหน่อยยินดีนำเสนอมากๆ เป็นการตบท้ายอาหารคาวที่น่าสนใจทีเดียว เธอเล่าถึงวิธีปรุงรสข้าวผัดปลาร้าว่า เราใช้น้ำปลาร้าที่มาจากปลาช่อน และยังมีปลาช่อนปลาร้ากะดี่ ที่มาทำเป็นกากปลาร้า เพื่อที่จะทำเป็นท็อปอัพและโรยด้านบน

วิธีการก็จะคล้ายกับข้าวคลุกกะปิ มีหอมแดง พริก ความเปรี้ยวจากมะม่วง คลุกเคล้ากันเกิดความหอมและความลงตัวที่เกิดจากปลาร้า เรากินปลาร้าจากส้มตำและเป็นอาหารจานเย็น แต่วันนี้ทำเป็นอาหารจานร้อน ทำเป็นน้ำแล้วนำมาคลุกเคล้าทำเป็นข้าวผัด ลองมาทานคะ

 ข้าวผัดผ่านความร้อนเป็นข้าวผัดปลาร้าบวกกับความลงตัวของ Herb มะม่วงและพริกจะให้ความลงตัว เราทานแล้วละมุนปาก อยากให้ทานเป็นจานสุดท้าย จะรู้สึกว่าจบ จบแปลว่าอิ่มสบายท้อง ความทรงจำในรสชาติทั้งหมดจะโหยมาอยู่ในคำสุดท้าย” อืมมม หลังจากลองทานแล้ว สัมผัสความรู้สึกนี้ได้อย่างที่เธอเอ่ยถึงทีเดียว

เมนูของหวาน

วันนี้จะได้ทานขนมหวานสองตัว ข้าวเหนียวมะม่วงที่นี่และจบด้วยไอศกรีมน้ำตาลโตนด

… “ไอศกรีมน้ำตาลโตนด” มาจากหนังสารคดีที่เราไปถ่ายทำ ไปเจอคนทำน้ำตาลโตนดที่หวานไทย หวานละมุน จึงนำมาทำเป็นไอศกรีมน้ำตาลโตนด ซึ่งมีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น” คุณหน่อยกล่าว

เรียกว่า … เมนูเด็ดของร้านยังมีอีกมากมาย ทั้งรังสรรจากเชฟคุณภาพการันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมาย แค่ได้เห็นก็น่าลิ้มลอง การเดินทางมา ร้านกินนรี ร้านอาหารในป่าหิมพานต์ไม่ยากเลย ตั้งอยู่ในสุขุมวิทซอย 8 เดินเข้าซอยประมาณ 300 เมตรอยู่ซ้ายมือ มีที่จอดรถสะดวกสบาย 

แต่หากเกรงว่ารถจะติด นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีนานา exit 4 กลางวันเปิดตั้งแต่เวลา 12.00 – 15.00 น. และ ตอนเย็น เปิด 18.00 – ครัว ปิด 22.00 น. แต่นั่งได้ถึง 23.00 น.

หรือเข้าไปที่ Facebook : Kinnaree Sukhumvit 8 หรือ โทร 0942298998 

แล้วคุณจะภูมิใจกับความเป็นคนไทย กับ “อาหารไทย” สไตล์ “กินนรี”