สุขทันที … ที่เที่ยวตะวันออก @ special moment
B Trip News และ ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) โดยคุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ นำคณะวัยเก๋าและสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปสู่ดินแดนแถบภาคตะวันออกกัน ภายใต้การสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคตะวันออก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด ครั้งนี้นอกจากจะเลาะตะลอนเที่ยวทางฝั่งตะวันออกจากเก็บความประทับใจกันตั้งแต่ ระยอง สู่ จังหวัดตราด เพื่อเก็บเกี่ยวทั้งวิถีและท้องทะเลงามของจังหวัดทางภาคตะวันออก
รวมถึงอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญและถือเป็นครั้งแรกของชีวิตที่มีส่วนร่วมสดุดีวีรชนทหารกล้าของกองทัพเรือ ยุทธนาวีที่เกาะช้าง เหตุการณ์รบทางเรือ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ดวงวิญญาณทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อรักษาน่านน้ำทะเลไทย เรือหลวงอับปางลงเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2484 บริเวณอ่าวสลักเพ็ชร เกาะช้าง จังหวัดตราด เดินทางย้อนอดีตไปด้วยกันในทริป สุขทันที …. ที่เที่ยวตะวันออก
Day 1
ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 คณะสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยววัยเก๋า กว่า 80 คน มากันอย่างพร้อมเพรียง รถบัสขนาดใหญ่สองคันคอยท่า… รอการเดินทาง
ไม่นานนัก.. การเดินทางก็เริ่มขึ้นอย่างคึกคัก เสียงตามสายด้านหน้ารถบัสคันที่สอง เริ่มทยอยบอกเล่ากำหนดการท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้แก่คณะฟัง
“ทริป สุขทันที… ที่เที่ยวตะวันออก เป็นความร่วมมือของ ช.ส.ท. และททท. ทั้งภูมิภาคตะวันออกและตราด ที่จะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวในฝั่งตะวันออกของไทยกัน … ” พี่หนุ่ย – นงลักษณ์ อินทรารุณ เริ่มร่ายให้ฟัง
“แต่ตอนนี้ทานอาหารเช้ากันบนรถก่อนนะคะ” อาหารกล่องเริ่มลำเลียง
น้ำดื่มเริ่มทยอยตาม งานนี้มีพี่จุ๋งจิ๋ง – ปนัดดา มาสศรีไสย อดีตแอร์โฮสเตทการบินไทย ลูกสาวของคุณแม่กัลยา ทิณพงษ์ เจ้าของคณะละครวิทยุเกศทิพย์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งชมรม ฯ และ หนึ่ง พะลาท คำหอม หนึ่งในสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทาง ช่วยเสริฟให้อย่างเต็มใจ
อิ่ม อร่อย ก็ผล็อยหลับไปกันเกือบครึ่งคันรถ โชเฟอร์ยังคงขับทะยานสู่จังหวัดระยอง มีแวะบ้างไรบ้างก็ตามอายุของคณะลูกทัวร์ ไม่นานนักเราก็มาถึงจุดที่เที่ยวแห่งแรก ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ ภายใต้โครงการ “มิราเคิล ฟาร์ม”
#ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ สร้างขึ้นในพื้นที่สถานี LNG นิคมมาบตาพุด แห่งที่ 2 โดย บ.พีทีทีแอลเอเอ็นจี จำกัด บริษัทในกลุ่มปตท. เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานและพื้นที่สีเขียวของชุมชนในจังหวัดระยอง โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงพระราชทานชื่อ หมายถึงศูนย์เรียนรู้อันเป็นเลิศด้านการอนุรักษ์ป่าและทรงพระราชทานชื่อ ศูนย์เรียนร้อันเป็นเลิศด้านการอนุรักษ์ป่าและพันธ์พืชในนาม ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ และทรงพระราชทานชื่อ อาคารโดมจัดแสดงพืชเมืองหนาวว่า “อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา”
พืชเมืองหนาว อาทิ ดอกทิวลิป ดารารัตน์ ไฮเดรนเยีย การจัดแสดงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามแต่ละเดือนและเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมตลอดทั้งปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดให้ชมวันจันทร์ – วันเสาร์ หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่ 09.30- 16.00 น. ว้าว !!! นั่นทำให้วันนี้เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ภายในโดมอุณหภูมิ 15 องศา สามารถเดินเก็บภาพกันได้อย่างสบายอารมณ์ แต่การจะได้มุมภาพดอกทิวลิปกับใบหน้าของผู้ถ่ายก็ต้องใช้ความพยายามพอควร สายย่อก็ต้องมา ไหนจะหลบเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ไหนจะต้องวางแผนว่า จะทำอย่างไรให้หน้ากับดอกไม้ไปสวยไปด้วยกัน เล่นเอาวัยเก๋าเหนื่อยเล็กน้อย 555
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/peqbjNnHkCCWGZNPA?g_st=ic
หลังจากได้เวลาพอประมาณ ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ที่บ้านบุญคาเฟ่ จังหวัดระยอง ร้านอาหารป้าบุญคาเฟ่ค่อนข้างกว้างขวาง แม้ยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงสถานที่รองรับนักท่องเที่ยว แต่ก็มีที่นั่งในแบบโอเพ่นแอร์และแบบในห้องแอร์ เราจะเห็นหากมาเป็นครอบครัว จะเลือกนั่งโอเพ่นแอร์ที่ออกแบบเป็นซุ้มมีลักษณะเป็นไพรเวท ล้อมรอบด้วยสายน้ำที่มากไปด้วยปลาคราฟให้ได้ผ่อนคลายกัน นอกเหนือจากรสชาติอาหารที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของร้าน
ร้านป้าบุญคาเฟ่ เปิดให้บริการทุกวัน พร้อมบริการชุดอาหารเช้า เบเกอรี่ และกาแฟ ตั้งแต่ 8:00 เป็นต้นไป อาหารไทยเริ่ม 10:00 เป็นต้นไป (วันเสาร์–อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่ม 9:30 เป็นต้นไป)
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/RAkJw4GF7qhmEcjL6
#คาเฟ่สำหรับทุกคนในครอบครัว #ป้าบุญคาเฟ่
จากการพยากรณ์ของทางกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า วันนี้ฝนจะตก แต่ขณะทานอาหารกลางวัน อากาศร้อนมาก แดดแจ๋อบอ้าว เราแอบคิดในใจ ฝนตกตรงไหนหว่า
… แต่ไม่นานนัก เมื่อเราเดินทางกันต่อ สภาพอากาศก็เริ่มเปลี่ยน จากฝนปรอยเริ่มแรงขึ้น เสียงฝนจั้กจั้กให้ได้ยินตลอดเส้นทางสู่จันทบุรี นั่นทำให้การแวะชมจุดชมวิวเนินนางพญา ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต คุ้งวิมานที่ตั้งใจเอาไว้ต้องเปลี่ยนไป เป็นมุ่งหน้าสู่ที่พัก ณ โรงแรมนิวแทรเวิลลอด์จ New Travel Lodge Hotel และปิดท้ายด้วยการร่วมรับประทานอาหารค่ำในบรรยากาศสนุกสนานเป็นกันเอง
Facebook : New Travel Lodge Hotel Website : http://newtravellodge.com/th/
พิกัด : https://g.page/Newtravellodge?share
โทร. 039-301888 โทร. 088-8400335 , Line OA : @ntlhotel , www.newtravellodge.com
Day 2
เช้าวันนี้คณะของเราต้องออกเดินทางกันต่อไปยัง จังหวัดตราด แต่ก่อนจะไปถึง เราแวะกันที่จังหวัดจันทบุรีก่อน ที่นี่มีศาสนสถานที่สวยงามไม่ควรพลาดอยู่หลายแห่ง แต่ทางผู้จัด ช.ส.ท. เลือกที่จะพาเราเข้าสักการะและเยี่ยมชมวัดปากน้ำแขมหนู ซึ่งการออกแบบอุโบสถสีน้ำเงิน สวยงาม ตระการตา
เช็คจากอากู๋ – google เขาบอกว่า วัดนี้อ่านว่า วัดปากน้ำ ขะ–แหม– หนู วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าใหม่ สวยงามด้วยโบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน ถือเป็นจุดที่คณะของเราชักภาพหมู่กัน
จากข้อมูลที่บอกถึงแนวคิดของสร้างโบสถ์เซรามิกอันซีนแห่งนี้ ว่า ในช่วงปี พ.ศ.2532 พระอุโบสถหลังเก่า ทรุดโทรมมากเนื่องจากพื้นที่ของวัดปากน้ำแขมหนู ติดกับทะเลทำให้โครงสร้างพระอุโบสถผุกร่อน เมื่อถึงหน้าฝนก็น้ำรั่วไม่สามารถประกอบกิจได้ จวบจนปี 2534 ได้มีมติร่วมกับชาวบ้านว่าเห็นควรรื้อโบสถ์หลังเก่าและก่อสร้างหลังใหม่ขึ้นแทน หลังจากเดินทางไปดูรูปแบบก่อสร้างโบสถ์วัดอื่นๆ ก็ไปพบวัดแห่งหนึ่งที่ใช้กระเบื้องเซรามิคมาประดับ ซึ่งเห็นว่าพื้นผิวเซรามิคมีความมันเงา คงทนแข็งแรง จึงนำไอเดียนั้นมาเคลือบชั้นปูนพระอุโบสถเพื่อป้องกันน้ำเค็ม กันสนิม
ปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในสถานที่สุดอันซีน ที่หลายคนต้องเข้ามาเช็คอิน เช่นเดียวกับคณะ ช.ส.ท.และวัยเก๋าของเรา
“ป้ายๆ คะ ใครถือป้าย”
“ด้านนี้เลยคะ เชิญคร้า… มาถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกร่วมกัน” กุ้ง – วาสนา กับ ขวัญ – ขวัญกันทรลักษณ์ และเอ๋ – ณิชาภา คณะทำงานส่งเสียงตะโกนแข่งกับแรงลมที่เริ่มกรรโชกแรง … แรงขึ้น
แต่ด้วยเพราะนักท่องเที่ยวผู้มากประสบการณ์ของเรา นอกจากจะต้องทำภารกิจส่วนตัวแล้ว ยังมีร้านรวงจำหน่ายสินค้า และของกินเล่นของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปลาหมึกย่าง หรือกล้วยปิ้งเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย ทำให้ยากจะอดใจ กว่าจะรวมหมู่ก็ใช้เวลาพอสมควร
… และนั่นทำให้ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น คณะของเราก็ต้องวิ่งขึ้นรถกันจ้าละหวั่น ทั้งฟ้าฝนพายุโหมกระหน่ำจนต้องหนีขึ้นรถกันจ้าละหวั่น ครั้งนี้เราจึงต้องขออนุญาตนำรูปจากพี่ๆเพื่อนๆ ที่เก็บภาพภายในโบสถ์มาได้อย่างทันท่วงทีมาลงคะ
มุ่งหน้ากันต่อ หลังจากออกจากวัดปากน้ำแขมหนู บ่ายหน้าสู่เกาะช้าง จังหวัดตราดกัน การจะขึ้นเรือไปเกาะช้าง จะขึ้นกันที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาทีก็ถึง เรือข้ามไปเกาะช้างเป็นเรือขนส่งผู้โดยสารขนาดใหญ่ สามารถนำรถยนต์ขึ้นไปได้เลย โดยเมื่อเข้ามาถึงต้องซื้อตั๋วก่อน หากนำรถมาเจ้าหน้าที่จะโบกจัดให้เรียงกันลงตามลำดับ ขณะที่ผู้โดยสารรถยนต์นั้น ๆ หลังจากนำรถจอดภายในเรือก็สามารถเดินขึ้นไปชั้นบน เพื่อพักผ่อนหรือเพื่อซื้อน้ำ ซื้ออาหารทานได้ระหว่างเรือแล่นสู่เกาะช้าง
ด้วยระยะเวลาประมาณสามสิบนาที เพียงพอสำหรับการเดินเล่นรับลม การถ่ายภาพมุมสวยๆ บนเรือ เรียกว่ายังไม่ทันเริ่มเบื่อ เรือยนต์ขนาดใหญ่ก็จอดเทียบท่าสู่เกาะช้าง
เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะช้างและบรรดาเกาะทั้งหมด 66 เกาะของจังหวัดตราด และใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ รองจากภูเก็ตและสมุย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย
จุดแรกบนเกาะช้าง ที่คณะของเราเดินทางกันต่อไปเลย คือ บ้านสลักคอก
การเดินทางบนเกาะช้าง เราเปลี่ยนจากรถบัสขนาดใหญ่เป็นรถตู้ รวมๆ ก็เกือบสิบคัน เป็นขบวนใหญ่พอสมควร เพื่อรองรับคณะกว่าแปดสิบชีวิต
…ขบวนรถตู้วิ่งวนจนเกือบรอบเกาะ สักพักเราจึงมาถึงที่บ้านสลักคอก เพื่อทานอาหารกันที่สลักคอกซีฟู้ด ที่นี่นอกจากจะเป็นร้านอาหารริมน้ำที่เสริฟอาหารทะเลพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดแล้ว ยังเป็นจุดลงเรือกอนโดล่าหรือเรือมาด ที่ชุมชนนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกจัดทำขึ้นมาเพื่อเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการอนุรักษ์
หลังทานข้าวกันจนอิ่มหนำ มื้อนี้แฮปปี้กันสุด ๆ ด้วยเพราะคุณโก้ – เจ้าหน้าที่จาก ททท.สำนักงานจ.ตราด นำทุเรียนกลิ่นหอมฉุย ผลเหลืองอร่ามมาเสริฟให้คณะได้ชิมรสชาติกันด้วย ทำเอาทุเรียนเลิฟเวอร์ถึงกับซู๊ดปาก… อดใจแทบไม่ไหว งานนี้แม้อากาศจะร้อน ก็ไม่ทำให้หวั่นไหว อิอิ…
…. “เดี๋ยวใครทานอาหารเสร็จแล้ว เตรียมตัวลงเรือกอนโดล่าเลยนะคะ“ พี่แอ๊ว วรางคณา สุเมธวัน ประธานฯ เดินตามโต๊ะ ส่งเสียงเรียกให้คณะลูกทัวร์และสื่อมวลชนที่มีความประสงค์ลงเรือกอนโดล่าได้เตรียมพร้อม
เรือกอนโดล่า กำหนดให้นั่งได้ 4 คนต่อ 1 ลำ ณ วันนี้มีเรือให้บริการ 5 ลำ ฝีพายเป็นชาวบ้านในชุมชนมาในชุดยูนิฟอร์มเสื้อสีขาวครีมบางเบา กางเกงเลสีน้ำตาล สวมหมวกทรงโบราณ
… สองมือของลุงฝีพายโน้มตัวจ้วงน้ำด้วยพายคู่ขนาดใหญ่อย่างช้าๆ ผ่านแหล่งไม้ ป่าโกงกางท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวขจี รากต้นโกงกางแซมแทรกผสานเป็นเนื้อเดียวกับผืนดินริมตลิ่ง
ด้วยเพราะจำนวนคนจากคณะทัวร์คณะใหญ่ของเรา ทำให้การล่องเรือมีโอกาสล่องกันเพียงไม่ไกลนัก แต่…กระนั้นก็ยังพอให้ได้กลิ่นไอของวิถีชาวเลและสัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์ของสถานที่ตรงหน้า
นู่น .. ผู้เฒ่าผมขาวนั่งซ่อมแหอวนในบ้าน ขณะที่หลานชายนอนเล่นตัวเปลือยรับลมเย็นกลางลานเรือนไม้ที่เสาเอียงกะเท่เร่ เรือประมงจอดเรียงราย รอคอยการออกทะเล
“พี่ ๆ มองกล้องหน่อย “ เสียงดังไม่ได้สรรพ แต่พอจะจับใจความได้บ้าง น้องร่วมทริปตะโกนผ่านแรงลมมาแต่ไกลช่วงฝีพายพาเรือสวนกันเข้าออกตามล่องน้ำกว้าง
บริเวณชุมชนบ้านสลักคอก นอกจากจะมีกิจกรรมการล่องเรือกอนโดล่าแล้ว ยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ร้านตอกคลายเส้นสีไพร ใครใคร่นวดก็สามารถอุดหนุนวิถีชุมชนกันได้
เอาเป็นว่า ท่านใดสนใจอยากล่องเรือสามารถติดต่อได้ที่ ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก จังหวัดตราด โทร.087 748 9497 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด โทร.039597259
พิกัด : https://goo.gl/maps/dGVaya3yEjqHhutC8
เดินทางกันต่อไปชมวิวทิวทัศน์ที่จุดชมวิวไก่แบ้ ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวที่ใหญ่และสวยที่สุดของเกาะช้าง สามารถมองเห็นเกาะที่เรียงรายจำนวน 4 เกาะได้แก่ เกาะมันใน เกาะมันนอก เกาะปลีและเกาะหยวก เป็นจุดที่ว่ากันว่ามองเห็นพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด
บริเวณจุดชมวิวแบบพาโนราม่านี้ นอกจากจะมีมุมให้ถ่ายภาพเป็นลานกว้างแล้ว ยังมีร้านกาแฟเอาไว้บริการนักท่องเที่ยวให้ได้นั่งชิลๆกันอีกด้วย แต่ช่วงเวลาที่เราไปถึงเป็นช่วงบ่าย จึงเน้นการถ่ายภาพหมู่กันเป็นหลักเสียมากกว่า ซึ่งก็เรียกเสียงเฮฮาได้มากมายเช่นเดิม ด้วยเพราะกว่าจะรวมพลกันครบคนที่เกือบร้อยคน ที่สำคัญแต่ละท่านที่ร่วมทางต่างอยู่ในห้วงของวัยเก๋าทั้งน้านนน ความสะดวกอยู่ตรงที่สามารถขับรถมาจอดชมกันได้ตลอดเวลา
พิกัด : https://goo.gl/maps/nMz7zcwWsiHEeiBJ6
เป็นหาดที่อยู่เกือบปลายสุดของเกาะช้าง เป็นชุมชนชาวประมงเก่าแก่ของเกาะช้าง เป็นท่าจอดเรือนักท่องเที่ยว ปลายสะพานท่าเทียบเรือมีประภาคารเป็นจุดเด่น บริเวณหาดเป็นหาดหินผสมหาดทราย ถ้าจะเล่นน้ำเล่นได้แต่อาจไม่เหมาะเท่าหาดทรายขาวหรือหาดคลองพร้าว แต่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม มีโฮมสเตย์และเกสเฮ้าส์หลายแห่ง
อีกทั้งยังมีตลาดบางเบ้า เป็นตลาดชุมชนที่ทอดยาวไปจนถึงประภาคาร มีร้านรวงเอาไว้ให้บริการหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าแตะ ชุดว่ายน้ำ ตลอดสองข้างทาง และร้านอาหารของมื้อเย็นวันนี้เราก็แวะมาที่ ณ ชาวเล บางเบ้าซีฟู้ด ร้านในบรรยากาศริมน้ำ
หมู่บ้านประมงบางเบ้า เป็นหมู่บ้านประมงที่น่าสนใจ บ้านพักอาศัยปลูกโดยปักเสาลงในทะเล มีสะพานเชื่อมติดต่อกันโดยตลอด ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงดักหมึก
มีบังกะโลที่พักและแหล่งปะการังใต้น้ำ นักท่องเที่ยวนิยมมาทานอาหารทะเลสดๆ ราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่อยู่ปลายเกาะช้าง ซึ่งการเดินทางไปชมหมู่เกาะต่างๆ จะทำได้สะดวกและประหยัดเวลามาก จึงมีแพ็คเกจทัวร์ไป เกาะขาม เกาะเหลายา เกาะหมาก เกาะกระ เกาะรัง
ที่ ร้าน ณ ชาวเล บางเบ้าซีฟู้ด เสริฟอาหารทะเลสด ราคาไม่แพง มีเมนูแนะนำแสนอร่อย อย่าง กุ้งสดคั่วพริกเกลือ หาทานได้ยากเคี้ยวเพลิน กรุบกรอบ กลมกล่อม สูตรเด็ดพิเศษจากทางร้าน การันตี ความสด ความใหม่ ใหญ่เบิ้ม
เปิดบริการ ทุกๆวัน 10.00-21.00 น.โทร 095 6464456
ท่าเทียบเรือหมู่บ้านบางเบ้าเปิดบริการทุกวัน 09.00-22.00 น.
https://goo.gl/maps/1MJXV98fPGyQTiuY6
ค่ำนี้ คณะของเรา เข้าพักที่โรงแรมเมอร์เคียว เกาะช้าง ไฮด์อเวย์ โรงแรมระดับสี่ดาว ซึ่งตั้งอยู่บนอ่าวใบลาน ที่นี่ให้บริการห้องพักแบบไทยที่ทันสมัย มีชายหาดส่วนตัวและทรีทเมนต์สปาเพื่อการผ่อนคลาย โดยเฉพาะสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่สวยงาม
ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินตราดเป็นระยะทาง 44 กิโลเมตร ในส่วนของทรีทเมนต์สปามีหลายประเภทเพื่อการผ่อนคลาย ทั้งการนวดตัว ห้องซาวน่าและอ่างอาบน้ำอุ่น รวมถึงห้องออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีสโมสรสำหรับเด็กและบริการพี่เลี้ยงเด็กอีกด้วย
ภายใต้การบริหารโรงแรมในเครือ Accor มีชายหาดส่วนตัว ยาว 1 กิโลเมตร มีห้องพักจำนวน 141 ห้อง 8 ประเภท เริ่มตั้งแต่ห้องพักแบบสแตนดาร์ท ห้องพักวิลล่าแบบส่วนตัว ไปจนถึงห้องพักแบบสวีท โอบล้อมด้วยภูเขาและความงดงามของท้องทะเลฝั่งอ่าวไทย
ด้านห้องอาหาร The Bay ให้บริการอาหารนานาชาติและอาหารไทย มีรูมเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมง
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 039 619 111 อีเมล์ : rsvn@mercurekohchang.com www.facebook.com/MercureKohChangHotel
ค่ำคืนนี้ คณะช.ส.ท.และนักท่องเที่ยววัยเก๋า ได้รับการต้อนรับจาก คุณณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และคุณสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก ททท., ว่าที่ ร.ต. กรกฏ โอภาส ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานตราด พร้อมด้วย คุณพรชัย เขมะพรรค์พงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด
คุณธีระ บำรุงพนิชถาวร รองประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวภาคตะวันออกและคณะ คุณสถาพร เสมแป้น นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตราด ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
Day 3
และแล้วก็เข้าสู่วันที่สามของการท่องเที่ยวในแบบ “สุขทันที … ที่เที่ยวตะวันออก” เช้านี้เรานัดหมายกันเพื่อไปประกอบพิธีอันสำคัญ ที่พี่แอ๊ว สุรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมฯ เตรียมการอย่างตั้งใจ
หลังจากรวมตัวกันบันทึกภาพหมู่เป็นที่ระลึกที่ประภาคารเกาะช้าง อ่าวบางเบ้า แล้ว เราก็เริ่มทยอยกันลงเรือ เพื่อร่วมกันรำลึกดวงวิญญาณทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อรักษาน่านน้ำทะเลไทยในปี 2484
ยุทธนาวีที่เกาะช้างเป็นเหตุการณ์รบทางเรือ เกิดขึ้นมาจากกรณีพิพาทระหว่างไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศสซึ่งลุกลามขึ้นตามชายแดนและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจนถึงขั้นใช้กำลังทหารเข้าทำการสู้รบกันทั้งกำลังทางบก อากาศ สำหรับกำลังทางเรือได้มีการรบกันที่บริเวณด้านใต้ของเกาะช้าง และเรียกการรบนี้ว่า “การรบที่เกาะช้าง” เกิดขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
คุณวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว กล่าวว่า “อยากทำกิจกรรมนี้มานานแล้ว เพื่อให้ทุกคนเห็นคุณค่าของผืนแผ่นดิน ของท้องน้ำ ท้องทะเลของไทย เราจะได้ไม่ใช่มาเที่ยวมาดูเกาะ ดูปลา ดูนก ดูคลื่น ดูน้ำเฉย ๆ แต่เรามาเพื่อรำลึกทหารกล้า ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของชมรม ช.ส.ท. อยากให้คนที่มาเที่ยวทะเลตราดได้รำลึกถึงตรงนี้ด้วย
ภาระกิจสำคัญนี้เป็นการนำพวงมาลาและดอกไม้ไปร่วมกันรำลึกถึงดวงวิญญาณทหารกล้าที่พลีชีพเพื่อรักษาน่านน้ำทะเลไทยและอธิปไตยของชาติไว้จากการรุกรานของฝรั่งเศส ครั้งนั้นนอกจากเราจะสูญเสียทหารกล้ากว่า 40 นายแล้ว เรายังเสียเรือหลวงธนบุรีและเรือสำคัญอีกหนึ่งลำ
นี่คือกิจกรรมที่ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวตั้งใจทำเพื่อเตือนให้ได้รำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทะเลเมืองตราดไม่ใช่เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงาม มีเกาะสวย ๆ มากมาย ไปดำน้ำชมปะการัง ชมปลาสวยงาม แต่อยากให้ทุกท่านที่ไปที่นั่นได้ไปรำลึกถึงวีรกรรมของทหารกล้าที่ดวงวิญญาณคงจะยังสถิตย์อยู่ ณ บริเวณใกล้เกาะง่าม เพื่อรักษาปกป้องท้องทะเลไทยตลอดไปนานเท่านานชั่วกัปชั่วกัลป์ … ขอน้อมคารวะด้วยหัวใจ”
วันนี้ ภายในเรือโดยสารสองชั้นที่คณะเช่าเหมาลำบรรทุกผู้ร่วมกิจกรรมการรำลึกถึงทหารกล้าเกือบร้อยชีวิต ค่อยๆ ขับเคลื่อนเลื่อนองค์สู่จุดหมาย บริเวณเกาะง่าม
กลีบดอกไม้สีเหลือง สีแดง นับร้อยนับพันใบ ถูกโปรยปลิวลงสู่ท้องทะเล ณ จุดที่เรืออับปาง คณะสื่อมวลชนและลูกทัวร์ ตั้งจิตน้อมรำลึก เรือวนเวียนรอบสามรอบ
… การรบที่เกาะช้างไม่ได้เป็นเพียงแค่หนึ่งในเหตุการณ์ที่คนรุ่นหลังสดุดี แต่เป็นทั้งบทเรียน ข้อเตือนใจ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงให้แก่กองทัพเรือในเวลาต่อมาและ ที่สำคัญที่สุด การทำหน้าที่อย่างสุดกำลังในอุทิศชีวิตของท่านเหล่านั้น คือสิ่งที่จะทำให้ทหารเรือในปัจจุบันได้เป็นพลังในการเดินหน้า เพื่อความพร้อมทั้งกายและใจปกป้องประเทศชาติของเราตลอดไป
ที่มาข้อมูลจากสารคดีวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ “ย้อนอดีต การรบที่เกาะช้าง” https://youtu.be/06BWwBk3aZQ?si=wlffnTG1Bfy68Yd4
จุดลงเรือ ประภาคารเกาะช้าง ตราด
ที่อยู่ : ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด
พิกัด : https://goo.gl/maps/nmykhz5XYUqHnTGi9
มาทริปนี้นอกจากจะได้ทำกิจกรรมอันสำคัญได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยแล้ว และได้ล่องเรือกอนโดล่าแบบไทยไทยแล้ว ยังมีโอกาสได้ล่องเรือเพื่อชื่นชมวิถีชุมชนริมน้ำอีกแห่งบริเวณด้านหน้า ร้านอาหารภูทะเลซีฟู๊ด เพื่อชื่นชมกับชุมชนริมน้ำคลองพร้าว ด้วยเรือยนต์ที่จัดที่นั่งสำหรับชมวิวกันไม่เกินสิบห้าคน แม้จะล่องไม่ไกลนักแต่ก็ให้สัมผัสได้ถึงวิถีและอาคารบ้านเรือน ที่พักสวยเก๋ทั้งน้อยใหญ่ที่เรียงรายให้ชมกันอีกด้วย
ภูทะเล เป็นร้านอาหารที่มีที่พักน่ารัก ๆ เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศริมคลองที่เงียบสงบ ในส่วนของร้านอาหารตกแต่งด้วยโทนขาว – ฟ้า สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งแบบไพรเวทกรุ๊ปได้สบายๆ ครั้งนี้แม้เราจะมากันเกือบร้อยคน ก็มีระบบการจัดการที่ดีพอควร โดยเฉพาะ…อะแฮ่ม ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานตราด จัดทุเรียน เอาไว้ให้คณะช.ส.ท. ได้ลิ้มรสผลไม้เกาะกันอย่างอิ่มหนำ
ร้านภู ทะเล ซีฟู้ด เกาะช้าง เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 10.00 น. – 22.00 น.
ติดต่อสอบถาม โทร. 039 551300 081 8639213
Facebook page: Phu-Talay Seafood Koh Chang
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/MYUAojMWWdcZaU33A?g_st=ic
ก่อนจะกลับมาเอนกายอิงหาดทรายของโรงแรมเมอร์เคียว ไฮอเวย์ให้อิ่มเอมตลอดเย็น
Day 4
#อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง ณ แหลมงอบ
เช้านี้เตรียมตัวเดินทางกลับกันแล้ว แต่ก่อนจะกลับ คณะช.ส.ท. ได้เข้าเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง ณ แหลมงอบ เพื่อชมเรือรบหลวงธนบุรีจำลองและศึกษาพระราชประวัติกรมหลวงชุมพร หลังจากที่เมื่อวานเราได้เดินทางไปทำกิจกรรมสดุดีรำลึกถึงดวงวิญญาณทหารกล้า
หลังจากนั้นจึงเดินทางกันต่อไปยังชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และเยี่ยมเยียนชุมชนที่น่าสนใจอีกแห่งของเกาะช้าง
ที่นี่น่าสนใจมาก ๆ ความเข้มแข็งของชุมชน การบริหารจัดการของชุมชน หมู่บ้านชาวประมงที่เป็นจุดศูนย์รวมของผู้คน สองศาสนา สามวัฒนธรรม ที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและพร้อมจะแบ่งปันความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยี่ยมเยียน นั่นทำให้เราได้รับการต้อนรับด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น
ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวตั้งอยู่อำเภอแหลมงอบ เป็นชุมชนที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชาวไทยและชาวจีนที่ล่องเรือสำเภามาทำการค้าขายจนตั้งถิ่นฐานที่นี่ ทำให้ต่อมาชุมชนแห่งนี้มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่มากมาย จน สมัย ร. 3 เหตุการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสงครามเขมร รวมถึงการล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสทำให้ชาวมุสลิมเชื้อสายเขมรหรือแขกจาม ต้องอพยพหนีกระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว
ชุมชน 2 ศาสนา และ 3 วัฒนธรรมอันหมายถึง ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลามและวัฒนธรรมชาวไทย จีนและมุสลิม แม้แตกต่างด้านความเชื่อและวัฒนธรรม แต่ทุกคนต่างอยู่กันอย่างสงบสุข และจากความร่วมมือร่วมใจกันนี่เอง วันนี้ เราจึงเห็นการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต่างแบ่งแยกกันทำอย่างน่ารักทีเดียว
ไม่ว่าจะเริ่มตั้งแต่แรกเข้ามาถึงบริเวณลานจอดรถ ทางเข้าสู่ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว มีการตั้งบูธเล็กๆ นำสินค้าพื้นถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กะปิ น้ำปลา กุ้งแห้ง อาหารแห้ง ขนมพื้นเมือง รวมถึงงอบน้ำเชี่ยว หัตถกรรมพื้นบ้านของจังหวัดที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
เข้าทางคณะวัยเก๋า งานนี้ช็อปกันกระจายจนของที่วางเรียงรายแทบไม่พอให้จับจ่ายใช้สอยกันเลยทีเดียว
ด้านอาหารกลางวันที่จัดสรรสำหรับคณะของเรา เริ่มเสริฟออเดอร์ด้วยชุดเมี่ยง พร้อมน้ำตะไคร้ และอีกหลายๆ น้ำให้ชื่นคอชื่นใจกันก่อนที่จะลำเลียงเสริฟอาหารกันจนเต็มโต๊ะ
“เราจัดกิจกรรมเอาไว้ให้กับคณะหลายอย่างคะ ไม่ว่าจะเป็นสปาเท้า การปล่อยปูม้า การล่องเรือเพื่อชมอุโมงค์ป่าโกงกาง นอกจากนี้ยังมีมัคคุเทศน์น้อยที่มาร่วมกิจกรรมรับนักท่องเที่ยวด้วยคะ” คณะผู้นำชุมชนกล่าว
นั่นทำให้การมาเยือนชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวของคณะวัยเก๋าและช.ส.ท. หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ใครใคร่ทำกิจกรรมใดๆก็ตามแต่ใจต้องการกันเลยทีเดียว
นู่นมัคคุเทศน์น้อยเดินนำ เหล่าคณะวัยเก๋า เพื่อลงเรือประมงที่รอท่าเตรียมความพร้อมอยู่หลายลำ ขณะที่อีกหลายคนเลือกที่จะนั่งแช่เท้ากับสปาสมุนไพรแบบบ้านๆ ขณะที่สายบุญก็เลือกปล่อยปู ปล่อยกุ้ง ที่นี่มีกล่องเอาไว้ให้หยอดเหรียญหรือจะหยอดแบงค์ตามแต่กำลังศรัทธา ไม่บังคับกัน
“แม่ปล่อยปูกัน” พี่จิ๋ง ลูกสาว คุณป้ากัลยาหนึ่งในคณะกรรมการชมรมช.ส.ท. หยิบขวดพลาสติกที่มีปูอยู่ภายในค่อย ๆ เทลงตามท่อสีฟ้าที่ทางชุมชนทำเอาไว้ เพื่อให้ปูตัวน้อยได้ค่อยๆ ไหลลงตามน้ำสู่พื้นน้ำด้านล่าง
จากข้อมูลเอกสารบอกว่า ปัจจุบัน “ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” ได้มีการพัฒนาชุมชนอยู่ตลอดเวลาจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีการเปิดโฮมสเตย์ การรวมกลุ่มกันเพื่อฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติใกล้ ๆ ชุมชน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์จนเปิดชุมชนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเรียนรู้วิถีชีวิต
วันนี้การล่องเรือมีอุปสรรคเรื่องน้ำลดนิดหน่อย ทำให้เราได้แค่เข้ามาชื่นชมป่าโกงกางกันแบบใกล้ๆ เท่านั้น ไม่ได้ลอดอุโมงค์กัน แต่แค่นี้เราว่าก็สวยมากพอ สัญญาว่ามาคราวหน้าจะต้องมาลองกันใหม่อีกครั้ง
“มาเมื่อไหร่บอกลุงนะ จะพามาอีก”
ฮั่นแน่…. ลุงคนขับเรือนอกจากจะเป็นไกด์บรรยายความงดงามของธรรมชาติและวิถีคนเลแล้ว ยังเป็นพีอาร์แมนให้กับชุมชนอีกด้วย
“สัญญาคะ…”
… เมื่อไหร่มีโอกาสได้กลับมาเยือนที่เกาะช้างอีกครั้ง …จะกลับมาที่นี่ที่ “ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” เพื่อมาเดินเล่นในแบบสโลว์ไลฟ์ให้เต็มอิ่ม โดยเฉพาะวันนี้ยังไม่ได้เข้าไปเดินเล่นภายใน ยังไม่ได้ข้ามสะพานวัดใจที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน รวมถึงอีกหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ
เชื่อเหลือเกินว่า … หากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติ นอกเหนือจากเกาะช้างจะมีผืนน้ำสีฟ้าครามที่เลื่องชื่อด้านความสวยงามแห่งหนึ่งของไทยแล้ว ด้านของชุมชนวิถี ไม่ว่าจะสลักคอก บ้านน้ำเชี่ยว บ้านคลองพร้าว ก็ถือเป็นอีกบริบทหนึ่งที่ให้ความสุขใจแก่ผู้มาเยือนได้เช่นกัน
ขอขอบคุณ
พี่น้องสื่อมวลชน ทั้งที่เอ่ยนามและไม่ได้เอ่ยนาม และคณะวัยเก๋า
ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก, ททท.สำนักงานตราด #ชสท #ททท #สีสันตะวันออก #สุขทันทีที่เที่ยวภาคตะวันออก #สบ๊ายสบายภาคตะวันออก #amazingthailand
