Update Newsเศรษฐกิจ

ออมสิน-ธ.ก.ส.ชี้ปี 61เศรษฐกิจมีแววสดใส แต่ต้องระวัง5ปัจจัยเสี่ยง

         เมื่อวันที่ 2 ม.ค.นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2561 มีโอกาสขยายตัวได้ร้อยละ 4.6 ปรับเพิ่มจากปี 2560 ที่มีโอกาสขยายตัวได้ร้อยละ 4 จากแรงส่งของภาคการส่งออกและภาคบริการ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเข้าสู่ระบบจำนวนมากเป็นแรงขับเคลื่อนการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศให้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้ 

            (1) เศรษฐกิจและการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจากการบริโภคและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลดีต่อการส่งออกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์
            (2) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานฯ โครงการพัฒนาท้องถิ่นของอปท. โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตามโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากฯ

            (3) การลงทุนภาคเอกชนที่มีความชัดเจนมากขึ้นตามการขยายตัวของภาคการส่งออก ความต่อเนื่องของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และโครงการยกระดับ SMEs
           (4) ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอินเดีย
             นายชาติชาย กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ได้แก่              (1) การเคลื่อนย้ายเงินทุนและอัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนจากทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก
            (2) รายได้ภาคเกษตรมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่รายได้ของแรงงานภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มทรงตัว ประกอบกับหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้กำลังซื้อขยายตัวได้ไม่มากนัก
            (3) คุณภาพของหนี้ครัวเรือนและธุรกิจ SMEs มีแนวโน้มด้อยลง ส่งผลให้ธนาคารระมัดระวังในการให้สินเชื่อมากขึ้น
            (4) ความชัดเจนของการเลือกตั้งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชน
            (5) ความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศทั้งกรณีวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีเหนือและปัญหาตะวันออกกลาง
             ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากการเกินดุลการค้าและบริการที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นตามทิศทางราคาพลังงานโลก และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้

ราคาสินค้าเกษตรคาดขยับขึ้นยกแผง
            วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส. คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต้อนรับปีใหม่ 2561 ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า5% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.52-4.87 อยู่ที่ราคา 8,440-8,719 บาท/ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.30-3.85 อยู่ที่ราคา 12,470-12,658 บาท/ตัน และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.20-4.32 อยู่ที่ราคา 9,515-9,810 บาท/ตัน

            ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ความชื้นไม่เกิน 14.5% จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.10-0.30 อยู่ที่ราคา 6.79-6.93 บาท/กก. ยางพาราคาดว่าสถานการณ์ราคายางพาราแผ่นดิบจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.00-6.30 อยู่ที่ราคา 42.32-44.54 บาท/ มันสำปะหลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.20-4.97 อยู่ที่ราคา 1.85-1.90 บาท/กก. ปาล์มน้ำมันคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 3.57 – 21.42 อยู่ที่ราคา 2.90 – 3.40 บาท/กก. 
สุกรคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.09-5.50 อยู่ที่ราคา 52.30-54.05 บาท/กก. ส่วนกุ้งขาวแวนนาไมคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.25-2.91 อยู่ที่ราคา 188.00 -193.00 บาท/กก. 
             นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสินค้าที่มีแนวโน้มลดลงคือน้ำตาลทรายดิบ ซึ่งคาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์กในตลาดโลกจะลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.50-2.00 อยู่ที่ราคา 13.39-13.59 เซนต์/ปอนด์ (9.67-9.81บาท/กก.)