“เขาค้อ” …. ในภาพจำ
หลังจากที่รัฐบาลเริ่มประกาศผ่อนคลายให้เราๆได้เริ่มเดินทางภายในประเทศกันได้ จากสถานการณ์วิกฤติโควิด – 19 เหล่าสหายที่ชื่นชอบธรรมชาติก็เริ่มเฟ้นหาสถานที่ที่จะไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ เราเองก็เช่นกัน “เขาค้อ” น่าจะเป็นหนึ่งในแหล่งเที่ยวที่หลายคนชื่นชอบและหมายมั่นปั้นมือที่จะเข้าไปเยือน ด้วยเพราะสภาพภูมิประเทศ ที่ส่วนใหญ่เป็นป่าและเนินเขาใหญ่น้อย แถมบางแห่งสูงชัน รวมทั้งสภาพอากาศที่หนาวเกือบตลอดทั้งปี โดยจากข้อมูลบอกไว้ว่า ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ลดต่ำสุดโดยเฉลี่ย 3 องศาเซลเซียส ว้าววววว!!! นี่ยังไม่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นและที่มีมาดั้งเดิม รวมถึงประวัติความเป็นมาของ “เขาค้อ” นั่นทำให้ ทีมงาน Btripnews พร้อมกับน้องๆ จาก www.toptotravelvariety.com และ www.meetthinks.com ตกปากรับคำกับการเดินทางแทบจะในทันที
เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เกือบบ่ายสามโมงด้วยภารกิจที่ยังรัดตัว มาถึงเขาค้อก็ราวๆ สองทุ่มกว่า โดยรีสอร์ทบ้านแรกที่เราพักคือที่ แดงเบญจรงค์ เขาค้อ ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โต มีบ้านอยู่ 20 กว่าหลัง มีหลายรูปแบบ บริเวณพื้นที่ส่วนกลางเป็นแหล่งน้ำ โอบล้อมด้วยบ้านพักกระจายต่างมุม เชื่อมต่อกันด้วยสะพานข้ามแหล่งน้ำ
.... ที่ชื่อแดงเบญจรงค์ เขาค้อ รีสอร์ท เพราะเจ้าของเป็นชาวสมุทรสาคร เปิดร้านเบญจรงค์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านเบญจรงค์ ที่มีคุณอุไร แตงเอี่ยม แห่งบ้านอุไรเบญจรงค์ เป็นประธานหมู่บ้าน หากใครอยากจะขับรถเที่ยวแบบใกล้กรุงฯ ที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็น่าสนใจ เพราะนอกเหนือจากจะได้พบกับงานหัตถศิลป์สุดยอดแล้ว ยังได้พบกับเจ้าของพื้นถิ่นที่มากด้วยอัธยาศัยอีกด้วย
“แดงเบญจรงค์ เขาค้อ ” ตั้งอยู่ที่บ้านนายาว บ้านทุ่งสมอ อาจจะไม่ใช่รีสอร์ท่ใหญ่โต แต่ถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ สภาพอากาศที่หนาวเย็นในช่วงกลางดึกของปลายเดือนตุลาคม ยิ่งส่งให้ความเพลิดเพลินลืมเหนื่อยล้าจากการเดินทางไปได้เช่นกัน
.... ค่ำคืนแรกที่เขาค้อผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังอาหารเช้า.. เราเก็บสัมภาระเพื่อออกเดินทางไปถ่ายรูปกัน ณ ที่เที่ยวแห่งแรก หลังจากที่คุยกันเมื่อค่ำวาน “ไปเก็บภาพที่ทุ่งมากาเร็ต หรือทุ่งดอกไฮเดนเยียมั๊ยพี่ ตอนนี้เริ่มเปิดแล้ว” น้องนักเขียนที่ร่วมทางเสนอ “โอเค ... ไปไหนไปกัน “ เราพยักเพยิดแบบเห็นด้วยโดยไม่มีข้อท้วงติง ออกจากที่พัก ไม่นานกลิ่นอายของแหล่งท่องเที่ยวก็เริ่มโชย ....อะไรน่ะเหรอ รถเริ่มติดนั่นเอง นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ ต่างทยอยกันเข้ามา
ที่ ทุ่งมากาเร็ต จุดนี้เก็บค่าเข้าคันละ 60 บาท จ่ายเงินตั้งแต่ก่อนนำรถขึ้นบนเนิน ซึ่งด้านบนจะมีร้านกาแฟที่ตกแต่งเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ซึ่งสามารถนำคูปองค่าเข้านี้ไปลดหย่อนราคาเครื่องดื่มได้ด้วย
ที่ต้องชื่นชมเห็นจะเป็นบรรดาเจ้าหน้าที่ที่จัดการเรื่องการขึ้นลงทุ่งมากาเร็ต ด้วยเพราะนักท่องเที่ยวขับรถขึ้นไปมากพอสมควร ทางด้านล่างจะวิทยุสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ด้านบนกันตลอดเวลาเพื่อความสะดวกของผู้เข้าชม และเพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ว่าที่จริง ในช่วงสภาวะการระบาดตอนนี้หลายคนก็เกรงๆ แม้จะใส่หน้ากากอนามัย แต่ส่วนใหญ่ ที่เห็นจะชุลมุนก็ตอนขับรถขึ้นลง และภายในบริเวณเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มเท่านั้น นักท่องเที่ยวที่เหลือก็กระจายกันไปตามเนินเขา ที่ปลูกดอกไฮเดนเยียกระจายตามเนินกว้างขวาง ไม่แออัดยัดเยียดจนน่ากลัว
ทุ่งมากาเร็ตนี้ เหมาะมากสำหรับคนที่ชื่นชอบดอกไม้ แม้แดดจะจ้า แต่ลมเย็นของฤดูกลับไม่ได้ทำให้เสียอารมณ์ .... การมาเยือนเขาค้อครั้งนี้ พิเศษอีกอย่างเห็นจะเป็นการได้เข้ามาเยือน กระท่อมน้อยของลุงทอม Uncle Tom's Cabin at Khaokho และ พิซซ่าเตาถ่านของลุงทอม Uncle Tom’s Pizzeria ที่ปัจจุบันบริหารงานโดย มาดามถิง หรือ คุณ กาญจนาวดี สิริอินทร์ ภรรยาแสนใจดีของคุณลุงทอม กระท่อมน้อยของลุงทอม ตั้งอยู่เลขที่ 89 หมู่ 10 ตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ เพชรบูรณ์ ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบที่พักที่เป็นธรรมชาติ ไม่พลุกพล่าน ด้วยเพราะเป็นบ้านพักที่ตั้งอยู่บนเนินเขามีเพียงบ้านดิน 6 หลังและรถบ้านอีก 1 เท่านั้น บ้านดินสร้างลดหลั่นตามเชิง หากตั้ง GPS สามารถเดินทางเข้ามาได้ไม่ยากเลย ลัดเลาะจากถนนใหญ่ ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ส่วนใหญ่จะเห็นปลูกพืช ผัก ออร์แกนิกส์ กันเป็นแนวเรือน บ้างก็ปลูกเอาไว้หน้าบ้านกันเลยทีเดียว เรียกว่าใช้พื้นที่ใช้สอยได้สมประโยชน์
ทางเข้ากระท่อมน้อยของลุงทอม จะเห็นป้ายเล็กๆ บอกทางลาดกรวดขึ้นสู่เนินเขา ซึ่งจะพบเรือนไม้สองชั้นโอ่โถงของลุงทอมตั้งตระหง่านอยู่ อันเป็นจุดเช็คอินก่อนเข้าพัก ซึ่งนักท่องเที่ยวจะพบการต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรีจาก”มาดามถิง” เลยจากที่เช็คอินเข้าพัก ก็จะมีที่จอดรถสบายๆ ไม่ต้องกังวล
บ้านดินหมายเลข 2 คือบ้านพักของเราสำหรับการใช้วันหยุดให้คุ้มค่า วันนี้ พี่ติ่ง หรือมาดามถิง ต้อนรับเราด้วยหมูกระทะ พร้อมซีฟู้ดเตาใหญ่
“ใครมาเขาค้อ ต้องหมูกระทะคะ” พี่ติ่งบอกกับเรา เมื่อนำสัมภาระเข้าสู่ภายในห้องพัก บ้านดินหรือกระท่อมน้อยของลุงทอม ปลูกแยกเว้นระยะห่างกัน ลดหลั่นตามเนิน ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลกับการพูดคุยหรือสังสรรค์เฮฮา แต่ดูเหมือนเพราะความเงียบสงบของพื้นที่ ทำให้หลายคนเลือกที่จะอิงกายอิ่มเอมกับบรรยากาศด้านหน้าห้องพัก เสียงดังสนั่นลั่นทุ่งตามที่พักอื่นๆ แทบจะไม่มีให้ได้ยิน ..... เตาถ่านพร้อมกระทะลำเลียงจากลูกน้องมาดาม ก่อนที่อาหารสดจะค่อยๆทยอยมาไม่ขาดสาย ตบท้ายด้วยพิซซ่าบางกรอบในถาดขนาดเขื่อง “กระท่อมน้อยของลุงทอม” แห่งนี้ เริ่มเดิมทีเป็นเพียงภาพฝันของหนุ่มชาวใต้นามว่า ทอม ที่อยากสร้างที่พักในวัยเกษียณ แต่เมื่อกาลเวลาผ่าน เพื่อนฝูงและลูกค้าต่างอยากมาเชยชม ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่พอรองรับ การขยายเป็นส่วนที่พักจึงเริ่มขึ้น เมื่อห้าปีก่อน กับพื้นที่บนเนินเขาความสูง 750 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี “กระท่อมน้อยของลุงทอม ได้แรงบันดาลใจมาจากนวนิยายเรื่อง Uncle Tom’s Cabin (Uncle Tom’s Cabin เป็นบทประพันธ์ประเภทนวนิยายของแฮเรียต บีเชอร์ สโตว์ เกี่ยวกับปัญหาด้านทาสในสหรัฐอเมริกา จำหน่ายครั้งแรก คศ. 1852) ซึ่งก็พ้องกับชื่อของคุณทอม (สามี) พอมาซื้อที่ดินที่นี่จึงอยากใช้ชื่อนี้ มาจากหนังสือเล่มนั้น” มาดามถิง ค่อยๆเล่าถึงที่มาของกระท่อมน้อยของลุงทอมให้เราฟัง ... เป็นความฝันของลุงทอมที่อยากทำฟาร์ม อยากเป็นชาวนา อยากปลูกผัก สร้างอะไรที่เป็นชีวิตบ้านๆ หลังเกษียณ พอไม่ได้ทำอะไรที่กรุงเทพฯแล้วก็ผันตัวเองมาอยู่ที่เขาค้อ มาหาซื้อแปลงเล็กๆไว้และสร้างเพื่อเป็นฟาร์มสเตย์ ตอนแรกคิดแบบนั้น สักระยะหนึ่งก็คิดว่า พื้นที่ตรงนี้น่าจะสามารถทำให้เกิดรายได้ได้บ้าง จึงสร้างบ้านดินขึ้นมาหนึ่งหลังก่อน โดยไปศึกษาจากอาจารย์โจน จันได ที่เชียงใหม่ เขาก็แนะนำให้ลูกศิษย์มาเป็นที่ปรึกษาในการทำบ้านหลังแรก เราก็ให้น้องๆที่อยู่ที่ไร่ เรียนรู้วิธีทำบ้านดินขึ้นมา หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี เพื่อนๆมาเที่ยว ตอนแรกยังไม่ได้ทำที่พัก แต่เอาไว้สำหรับต้อนรับเพื่อนๆ และลูกค้าธุรกิจร้านอาหารที่เราทำที่กรุงเทพฯ แต่พอไประยะหนึ่งเวลามากันเยอะ บ้านหลังแรกกับบ้านดินหลังแรกไม่พอ จึงสร้างต่อเพิ่มมารวมเป็น 6 หลัง” มาดามถิงกล่าวยิ้มๆ
ปัจจุบัน กระท่อมน้อยของลุงทอม ประกอบไปด้วย บ้านดิน 6 หลัง คาราวานรถบ้านอีก 1 คัน เป็นรถส่วนตัวที่เราซื้อมาตอนที่ไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางไปเที่ยวที่นิวซีแลนด์ เวลาไปเที่ยวเราอยู่ในรถแบบนี้เกือบครึ่งเดือน กลับมาเมืองไทยก็หาว่า ที่เมืองไทยมีรถบ้านแบบนี้มั๊ย ซึ่งไปเจอมาก็ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา เวลาไปเที่ยวก็ทำกับข้าว ทำอาหารปิกนิก” ห้าปีมาแล้วสำหรับการเป็นฟาร์มสเตย์ เป็นที่พักรองรับนักท่องเที่ยว และเริ่มเปิดตัว โดยให้จองผ่าน agoda , booking จึงเริ่มเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แรกๆ เน้นให้ลูกค้าที่มาพักกับเราเหมือนได้มาเยี่ยมบ้านญาติ ได้กลับบ้าน ได้ชื่นชมกับธรรมชาติ ปลูกผัก ผลไม้ เก็บผลไม้ เมลอนในโรงเรือน เขาก็จะชอบ แต่พอช่วงโควิดนี้ จึงไม่ได้ปลูกผลไม้อะไร ก็จะปรับเป็นพื้นที่โล่งๆ ถ้าเพื่อนๆ ที่อยากมาเที่ยวเขาค้อ มาอยู่กับธรรมชาติ ไม่เน้นหรูหรา มีวิวทิวเขา มีท้องนา ป่าสน เงียบ สงบ ไม่พลุกพล่าน ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบส่วนตัว ก็ยินดีต้อนรับทุกท่าน”
.... และเรื่องราว จากแรงบันดาลใจอีกมากมาย ส่งผ่านเสียงใสๆ แทรกด้วยเสียงเพลงคลอบางเบา จากค่ำคืนธรรมดาที่งดงาม .... กองไฟจากเตาถ่านค่อยๆ มอดดับลง ถูกแทนที่ด้วยแสงระยิบระยับจากหมู่ดาวเหนือทิวสนตรงหน้า อุณหภูมิ 19 องศาทำให้ผู้มาเยือนขยับเสื้อหนาหนักบ่อยครั้ง ผ้าพันคอผูกกระชับให้อุ่นขึ้นจากลมเย็นที่ปะทะผิวกาย .... ธรรมชาติทำให้ราตรีนี้อบอวลไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมปริ่มของทั้งเจ้าบ้านและผู้มาเยือนอย่างน่าประทับใจ แม้จะไม่มีซีนหยิบหมอกหยอกดาวก็ตาม ........................ รุ่งอรุณวันใหม่ ...วันนี้เราจะขึ้นไปที่ วัดผาซ่อนแก้วกัน นอกจากจะขึ้นไปกราบสักการะองค์พระขนาดใหญ่แล้ว ยังไปเพื่อเยี่ยมเยียน ร้านพิซซ่าเตาถ่านของลุงทอม ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังองค์พระ ร้านพิซซ่าเตาถ่านของลุงทอม ก็เป็นอีกหนึ่งกิจการที่ทำด้วยความรักเช่นเดียวกับกระท่อมน้อยของลุงทอม ที่นี่เกิดขึ้นจากความชื่นชอบในรสชาติอาหารสไตล์ยุโรป อาหารอิตาเลียน โดยเฉพาะพิซซ่าเตาถ่านบางกรอบรสชาติดั้งเดิม การจะหาทานพิซซ่าสูตรอิตาเลียนแท้ดั้งเดิมเมื่อห้าปีก่อน ค่อนข้างยาก มาดามถิงและลุงทอม จึงตัดสินใจเปิดร้านอาหารแห่งนี้ขึ้น ปัจจุบัน มีอาหารอิตาเลียน ทั้งสปาเก็ตตี้ พิซซ่า ที่มีให้เลือกหลายหน้า ขณะเดียวกันก็แบ่งโซนสำหรับอิตาเลียนและอาหารไทย เช่นผัดไทยโบราณ หมี่กรอบโบราณ กระทะร้อน ไก่เกาหลี...และ.....
มาดามถิง เล่าว่า “...เมื่อมาอยู่เขาค้อ ทำให้นึกถึงช่วงที่ไปต่างประเทศ ไปเที่ยวจะชอบทานอาหารแบบยุโรป อาหารอิตาเลียน ชอบทานพิซซ่าเตาถ่านที่บางกรอบรสชาติดั้งเดิม และบังเอิญอาจารย์ที่เป็นเพื่อนของลุงทอมถ่ายทอดสูตรมา เมื่อมาอยู่เขาค้อ สภาพอากาศเหมาะกับการทำอาหารประเภทนี้ ความหนาวเย็นให้บรรยากาศแบบสวิสเซอร์แลนด์ อิตาลี จึงตัดสินใจเปิดร้านพิซซ่า ที่นี่เบื้องหน้าจะเห็นภูเขาลดหลั่นสวยงามเหมือนสวิสเซอร์แลนด์”
... ทำให้ตลอดเวลาที่เรานั่งอยู่พบว่า หลายต่อหลายคน ต่างมาแวะเวียนทั้งเพื่อทานอาหารและเพื่อบันทึกภาพความงามของขุนเขาเบื้องหน้า ... เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่รู้ รู้แต่ว่า...แสงอาทิตย์ใกล้ลับเหลี่ยมเขาแล้ว หลายคนมักพูดว่า เวลาแห่งความสุขดูจะเดินเร็วกว่าปกติเสมอ เห็นจะจริง ... หลังสักการะองค์พระใหญ่ที่”วัดผาซ่อนแก้ว” เราพร้อมเพื่อนร่วมทางก็ขับกลับลงมา เพียงไม่นานก็มาถึงกระท่อมน้อย .................... เป็นอีกครั้งกับการนั่งเล่น ณ ลานระเบียงหน้าบ้านดินในค่ำคืนนี้ นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มกว่า... กระท่อมน้อยของลุงทอม ยังคงทำหน้าที่อย่างแข็งขันแก่ผู้พักพิง ...ไม่ว่าค่ำนี้จะมองจากปลายฟ้าฟากใด บ้านดินสีส้มหลังเล็กๆ ปลายเนิน เราเห็นแต่ขุนเขาโอบกอดดวงดาว ความประทับใจก่อเกิด อืมมม.... สูดลมหายใจให้ลึก .. ลึกสุดใจ ... ไม่น่าแปลกใจเลย ยามนี้อาจทำให้ใครบางคนหวนนึกถึงวันเก่าๆ กับคนที่เคยผ่าน...จ่อมจมกับภาพจำเดิม ความทรงจำเดิม หรือ....เลือกที่จะจดจำภาพใหม่ กาลเวลาใหม่ ณ ดินแดนแห่งขุนเขาแห่งนี้ ดินแดนที่ชื่อ “เขาค้อ” .................. Uncle Tom's Cabin at Khaokho กระท่อมน้อยของลุงทอม Farm stay Tel&Line :0869923999 : ป้าติ่ง/มาดามถิง Facebook/UncleTomCabinAtKhaokho และโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เข้าพักที่ “กระท่อมน้อยของลุงทอม” รับส่วนลด 10% เมื่อใช้บริการที่ ร้านพิซซ่าของลุงทอม ณ ผาซ่อนแก้ว ร้านพิซซ่าของลุงทอม ณ ผาซ่อนแก้ว Uncle Tom's Pizzeria At PhaSornKeaw มีบริการทั้งแบบมานั่งทานที่ร้าน ชมวิวผาซ่อนแก้ว และ บริการจัดส่งถึงบ้านและรีสอร์ต ด้วยบริการ Uncle Tom’s Pizzeria Delivery เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00- 18.00 น. ส.อ.และวันนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแต่ 9.00 – 20.00 น. http://www.uncletomspizzeria.com/ Facebook/UncleTom’sPizzeria โทร. 094 169 8299 , 099 3355565 นาริฐา จ้อยเอม เรื่อง/ภาพ