InterviewUpdate News

เจาะแนวคิด “ดร.สมคิด” ปฎิรูปเกษตร-ท่องเที่ยว

          ชื่อเสียงของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือที่คนสนิทสนมจะเรียก “เฮียกวง”นั้นเป็นที่ยอมรับว่าเป็นทั้งนักวิชาการ นักคิด นักการตลาด จอมยุทธ์  และบางคนยกย่องว่าเป็น “ซาร์เศรษฐกิจ” ที่หาผู้เปรียบเทียบยาก

          ความที่ถือนโยบายไม่เป็นศัตรูกับใคร ดร.สมคิดจึงมีแต่มิตรทั่วบ้านเมือง  จึงถูกเชิญให้เป็นที่ปรึกษา เป็นกรรมการ องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันอุดมศึกษา มูลนิธิ ฯลฯมากมายนับไม่ถ้วน

          ส่วนในด้านการเมืองเป็นที่รู้กันดีว่า ดร.สมคิด คือ “กระบี่มือหนึ่ง” ที่ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใช้งานตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยได้จัดตั้งรัฐบาลครั้งแรก  และแม้จะถอยจากการเมืองไปพักใหญ่กระทั่งเกิดการรัฐประหารในปี 2557  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่รู้แต่เรื่องการทหารได้เชิญดร.สมคิด มาช่วยแบกรับภาระหนักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ

          เกือบ 5 ปีที่ช่วยประคองเศรษฐกิจ จากยุค คสช.จนถึงรัฐบาลผสมสารพัดพรรค  กระทั่งถูกนักการเมืองเขี่ยออกจากรัฐบาลพร้อมทีม “4 กุมาร” ที่ดร.สมคิดดึงเข้าไปช่วยงานเศรษฐกิจ

          หลายคนคิดว่าดร.สมคิด คงถอยห่างการเมืองเพื่อไปพักผ่อนกับลูกหลาน  หรือไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้องค์กรภาคเอกชนที่ส่งเทียบเชิญไปช่วยงานมากมาย



           แต่วันนี้ดร.สมคิดกลับมาอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่ปี่กลองการเมืองการเลือกตั้งเริ่มโหมประโคม  พรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเริ่มลงพื้นที่หาเสียง   แต่ “พรรคสร้างอนาคตไทย”ที่เป็นน้องใหม่แต่ไม่ไร้ประสบการณ์ได้ชูจุดแข็งด้วยการเสนอชื่อ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น “คู่ชิงนายกรัฐมนตรี”คนใหม่

          8 กันยายน ที่ผ่านมา วันที่ดร.สมคิด ประกาศรับตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างเป็นทางการ  ได้กล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจของไทย  แนวความคิดและเป้าหมายของการอาสาจะกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้งอย่างน่าสนใจ

          “เศรษฐกิจไทยไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว  สถานการณ์ตอนนี้หนักกว่าที่คิด  ตัวเองอ่อนเปลี้ยเพลียแรง  แถมยังเจอมรสุมโลก  วันนี้ส่งออกเริ่มชะลอตัว  พลังงานแพง  ท่องเที่ยวลำบาก  ดัชนีความสามารถในการแข่งขันลดฮวบ”         

          ดร.สมคิด เคยกล่าวถึงปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมาหลายครั้งหลายเวที  และวันนี้ก็ยังกล่าวย้ำอีกว่า  คนกว่า 60% ของประเทศ หรือประมาณ 30 ล้านคนอยู่ในภาคการเกษตร  แต่เกษตรกรรมมีสัดส่วนใน GDP ไม่ถึง 10%  จึงไม่มีอำนาจซื้อ  แต่มีหนี้สินเยอะ  การจะแก้ไขให้เห็นผลจำเป็นต้องปฏิรูปภาคการเกษตรและท่องเที่ยวอย่างถึงรากถึงโคน  หากไม่เปลี่ยนแปลงสินค้าก็ยังด้อยค่า  ขณะที่ต่างประเทศซื้อเอาไปแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม

          จุดอ่อนสินค้าเกษตรไทยคือเป็นเกษตรดิบๆ  ไม่เคยยกระดับ  ไม่เคยพัฒนาด้านเทคโนโลยีในขณะที่เกษตรกรจีนที่เคยยากจนกว่าไทยมากวันนี้ค้าขายผลผลิตด้วยระบบออนไลน์ 

          “ถ้าเราไม่ไปสู่ดิจิทัล  ไม่แก้ตอนนี้  ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งกว่านี้อีก

          ดร.สมคิดมองอนาคตและความคิดในการปูรากฐานใหม่ของไทยว่า  ด้านการส่งออก  สินค้าต้องแข่งขันได้  ไม่ใช่สินค้าอุตสาหกรรมเดิมๆแค่ไม่กี่กลุ่ม  สินค้าเกษตรแปรรูปเพื่อยกระดับมูลค่าคือ “หัวใจ” สำคัญ

          และที่เชื่อมโยงกันคือต้องเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อกระจายรายได้การท่องเที่ยวไม่กระจุกแค่เมืองหลักเดิมไม่กี่จังหวัด

          การพัฒนาระบบการขนส่งทางรางเพื่อสนับสนุนภาคการเกษตร  คมนาคม และการท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหนึ่งรากฐานสำคัญที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง

          “ต้องสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้แข็งแรงถึงจะสู้วิกฤติได้ภายใต้มรสุมโลก” นี่คือแนวคิดของดร.สมคิด

          การจัดสัมมนา อันดามันรอด ประเทศไทยรุ่ง” ของพรรคสร้างอนาคตไทย เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า เจ้าฟ้าภูเก็ต  คือเวทีแรกของดร.สมคิด หลังเปิดตัวเป็นทางการ



           เขากล่าวถึงจุดแข็งของอันดามันว่า เรามีไข่มุกเม็ดงามอยู่ 3 เม็ด ได้แก่ภูเก็ต กระบี่และพังงา ถ้ารู้จักร้อยไข่มุกเป็นสายสร้อยมุก จะได้สายสร้อยที่สวยงามมาก นำจุดเด่นของ 3 จังหวัดนี้รวบรวมกันเข้าเป็นแพคเกจ ประสานความร่วมมือกัน ส่งเสริมที่ยิ่งใหญ่และไม่มีใครเหมือน และสามารถเชื่อมโยงได้อีก 3 เม็ด คือระนอง ตรังและสตูล โดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับภาคเกษตรเข้าด้วยกัน

         การเกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่าที่ต้องทำให้เป็น “อาหารแห่งอนาคต” และมีคุณภาพโดยเน้นเรื่องสุขภาพ มีมาตรฐาน เป็นเสาหลัก 1 ใน 3 ที่จำเป็นในการพัฒนาพื้นที่อันดามัน

          ส่วนอีก 2 เสาหลักคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการดูแลสุขภาพ และ 3 การทำให้ภูเก็ตเป็นดิจิตัล ฮับ             

          เมื่อดร.สมคิด ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่พรรคสร้างอนาคตไทยขยับตัว นำเสนอยุทธศาสตร์และนโยบายการแก้ปัญหาต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม   ย่อมสั่นสะเทือนวงการเมือง  ส่งผลให้เกิดการปรับตัวเกี่ยวกับรูปแบบ วิธีการหาเสียง หาคะแนนนิยมแบบเดิมๆของพรรคการเมืองต่างๆ

          ความคมชัดของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน  ประกอบกับความโดดเด่นของผู้นำที่ผ่านประสบการณ์การบริหารประเทศมาอย่างโชกโชน   คือสิ่งที่พรรคการเมืองต้องแข่งขันกันนำเสนอต่อประชาชนในปัจจุบัน           

          “คนไทยมองหารัฐบาล  มองหาความหวัง  แต่เมืองไทยรอไม่ได้  รอมานานแล้ว  เมืองไทยจะไปไม่ไหว  จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้” คือคำกล่าวของดร.สมคิด ที่บอกว่าเป็นแรงบัลดาลใจให้คืนสู่การเมือง