“เฮเฟเล่ กรุ๊ป” กวาดยอดขาย 1,397 ล้านยูโรจาก 150 ประเทศทั่วโลกในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร และระบบไฟส่องสว่าง LED โดย 80% ของยอดขายในปี 2561 เป็นยอดขายจากนอกประเทศเยอรมนี ยอดขายรวมมีอัตราเติบโต 1.6% จาก 1,375 ล้านยูโรในปี 2560 ซึ่งหากไม่นับผลกระทบจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน จะคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 5.6%
โดยฝ่ายบริหารของบริษัทพึงพอใจกับผลประกอบการดังกล่าวท่ามกลางสภาวะทางการตลาดทั่วโลกที่มีความผันผวนสูง ส่วนประเทศไทยกวาดรายได้กว่า 3,700 ล้านบาท มียอดขายเป็นอันดับที่ 3 รองจากสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ แถมในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 มียอดขายเติบโตเพิ่มเป็น 2 ดิจิต คาดว่าปี 62 นี้ จะสามารถปิดยอดขายได้ 4,000 ล้านบาท
“ในปีที่ผ่านมา หลายประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง” นางซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักงานใหญ่ ประเทศเยอรมนี กล่าวพร้อมวิเคราะห์ว่า ความหวังที่จะได้ข้อยุติในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนก็ลดลง ในขณะที่ประเทศตุรกีและอาร์เจนติน่าก็ประสบกับภาวะวิกฤติค่าเงิน ส่วนบราซิลก็มีปัญหากับสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนทางฝั่งยุโรปตะวันตก บรรยากาศทางเศรษฐกิจแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง และการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรหรือ Brexit ก็ยังคงส่งอิทธิพลต่อสภาวะตลาด ส่วนในเอเชียและยุโรปตะวันออก ตลาดยังไปได้ดี
ในปี 2561 บริษัทลูกของเฮเฟเล่ในต่างประเทศรวม 37 แห่ง มีการเติบโต 2.3% ทำให้ภาพรวมของบริษัทเป็นบวก บริษัทแม่ในประเทศเยอรมนีและบริษัทลูกทั้ง 5 แห่ง ที่เป็นบริษัทผู้ผลิต มีการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.4% จากธุรกิจส่งออก
เฮเฟเล่เน้นขยายบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จของบริษัท โดยที่ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งที่ 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่เมือง Lehrte ใกล้กับเมือง Hanover ซึ่งจะให้บริการลูกค้าในแถบตอนเหนือของประเทศเยอรมนีและประเทศใกล้เคียง “การขยายศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงการขยายเวลาการรับคำสั่งซื้อและสามารถส่งสินค้าไปยังลูกค้าในประเทศเยอรมนีได้ภายในวันเดียวกัน ซึ่งพันธมิตรหรือคู่ค้าของเราย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง” คุณซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อธิบายถึงเหตุผลที่ ในการลงทุนครั้งใหญ่ของบริษัทครั้งนี้
จากการเข้าซื้อกิจการของ Nimbus ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไฟ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบไฟห้องระบบ LED คุณภาพสูงของประเทศเยอรมนีเมื่อช่วงต้นปี เฮเฟเล่อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจให้กว้างกว่าระบบไฟเฟอร์นิเจอร์ โดย คุณซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “เฮเฟเล่ได้รับการยอมรับในตลาดทางด้านระบบไฟ LED ภายใต้แบรนด์ Loox และในอนาคต เฮเฟเล่จะนำเสนอระบบไฟ LED ที่ตอบโจทย์แบบองค์รวม สำหรับการติดตั้งในอาคาร และโครงการต่างๆ ให้กับพันธมิตรและคู่ค้าของเรา”
ในปี 2561 จำนวนพนักงานของบริษัททั่วโลกเพิ่มขึ้น 200 คน ทำให้บริษัทมีจำนวนพนักงานรวมทั้งหมด 7,800 คน โดยในประเทศเยอรมนี จำนวนพนักงานประจำ พนักงานฝึกงานและนักศึกษายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีจำนวนพนักงานรวม 1,600 คน เฮเฟเล่ได้เตรียมโครงการฝึกอบรมเพื่อเสริมทักษะความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มตำแหน่งฝึกงานด้านอีคอมเมิร์ซ พร้อมกับจัดตำแหน่งงานให้กับนักศึกษาที่เรียนด้านบริหารธุรกิจและนักศึกษาที่เรียนด้านการบริหารธุรกิจดิจิตัล ซึ่งเดิมเฮเฟเล่มีตำแหน่งฝึกงานให้กับนักศึกษาฝึกงานทางด้านค้าส่งและการค้าระหว่างประเทศ และมีโครงการศึกษาอบรมที่เป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย Baden-Wuerttemberg Cooperative State University (DHBW)
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรม เฮเฟเล่ได้สนับสนุนความเชี่ยวชาญในระดับนานาชาติที่มาพร้อมความชำนาญระดับท้องถิ่น ดังนั้น บริษัทจึงให้ความสำคัญกับตลาดโรงแรมทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นงานที่เฮเฟเล่มีความเชี่ยวชาญทั้งอุปกรณ์ติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์ วัสดุตกแต่งทางสถาปัตยกรรม ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในทุกๆ ส่วนงานด้านการก่อสร้าง กลุ่มบริษัทยังเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรระดับนานาชาติและขยายความเชี่ยวชาญในด้านการให้คำปรึกษาผ่านการเรียนการสอนและการฝึกอบรม ผู้เชี่ยวชาญด้านงานโรงแรมของบริษัทให้การสนับสนุนสถาปนิก บริษัทก่อสร้าง โรงแรม ผู้วางผังทางเทคนิค ผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้ประกอบชิ้นส่วนสำเร็จ ตั้งแต่การวางแผนเบื้องต้นไปจนถึงการเริ่มดำเนินงาน ทั้งนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญตลาดโลก ความรู้ทางด้านผลิตภัณฑ์ การให้คำปรึกษาที่ไม่อิงผู้ผลิตรายใด ถือเป็นเสาหลักของโซลูชั่นแบบครบวงจร 360° ของเฮเฟเล่ สร้างประโยชน์ให้แก่เชนโรงแรมระดับโลก โรงแรมและโฮสเทลที่ดำเนินธุรกิจเองหรือดำเนินการโดยธุรกิจครอบครัว
เฮเฟเล่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมแห่งการพัฒนาจำนวนมาก อาทิ กระจกห้องน้ำอัจฉริยะที่ฟังเพลงและปรับโทนสีได้ ตู้เก็บของดีไซน์ใหม่พร้อมฟังค์ชันภายใน กุญแจห้องพักโรงแรมที่ล็อคด้วยสมาร์ทโฟน หน้าจอดิจิตัลเพื่อควบคุมอาคาร ระบบกุญแจไดอะล็อคหรือระบบควบคุมการล็อคอิเล็คทรอนิกส์ที่มาพร้อมสัญญาณเชื่อมต่อระบบเครือข่าย และระบบควบคุมการเข้าออกอาคาร พร้อมการทำงานแบบอัจฉริยะผ่านแอพ เฮเฟเล่ คอนเน็ค (Häfele Connect) สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงการได้รับการยอมรับในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นแบบครบวงจรของเฮเฟเล่
เฮเฟเล่ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ยังเป็นผู้บุกเบิกในตลาดสมาร์ทโฮมที่มีการเติบโตสูง ด้วยการจัดทำ Häfele Connect ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตสามารถควบคุมแสงเสียงและอุปกรณ์ไฟฟ้าในเฟอร์นิเจอร์ผ่านระบบเครือข่าย มี Loox ระบบไฟ LED และกล่องเซิร์ฟเวอร์ Häfele BLE เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับระบบดังกล่าวนี้ เฮเฟเล่ได้กรุยทางสู่โลกอัจฉริยะของเฟอร์นิเจอร์และห้องต่างๆ เพื่อผู้ใช้รุ่นใหม่แห่งโลกอนาคต เฮเฟเล่ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่นอกเหนือไปจากโลกยุคเดิมๆ ของอุปกรณ์ฟิตติ้งสำหรับประตูและวัสดุภายใน ด้วยส่วนประกอบต่างๆ ที่มาพร้อมนวัตกรรมเหล่านี้ ทำให้เฮเฟเล่ได้รับการยอมรับในโลกดิจิตัล ดังคติพจน์ของบริษัทที่ว่า “Thinking ahead”
เฮเฟเล่ได้ผลิตวัสดุอุปกรณ์และส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ สถาปนิก ผู้วางผังโครงการ ผู้ประกอบและผลิตตู้ต่างๆ รวมทั้ง พันธมิตรและดีลเลอร์ชั้นนำระดับโลก สิ่งเหล่านี้ได้ดำเนินการผลิตและให้บริการตามความต้องการของลูกค้า ผ่านการผลิตโดยฐานการผลิตทั้ง 5 แห่งของบริษัทหรือสายการผลิตของพันธมิตรที่ได้รับมาตรฐานคุณภาพเยอรมนีของเฮเฟเล่ (Häfele German Quality Standards) ซึ่งมีอยู่กว่า 1,500 รายทั่วโลก นอกจากนี้ เฮเฟเล่ยังสามารถดำเนินการผลิตผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร โดยในปี 2562 พันธมิตรเหล่านี้มีแผนการขยายการผลิตเพิ่มเติมเพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าของเฮเฟเล่ อาทิ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรม ซึ่งเฮเฟเล่สามารถส่งมอบสินค้าและโซลูชั่นด้านโรงแรม เช่น กุญแจล็อคผ่านสมาร์ทโฟน การส่งมอบประสบการณ์ให้กับแขกผู้มาพัก การบริหารห้องพัก และการเช็คอินด้วยตัวเอง
กลุ่มบริษัทพร้อมก้าวสู่ปี 2562 ด้วยความมั่นใจ และถือเป็นอีกครั้งที่เราวางเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2562 “เรายังคงเดินหน้าลงทุนในตลาดใหม่ๆ และลงทุนพัฒนาสินค้าใหม่พร้อมกับยกระดับกระบวนการสร้างคุณค่าจากการผลิตสินค้าไปจนถึงกระบวนการขนส่งและกระจายสินค้า” คุณซิบิลี เธียเรอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว
โดยเฮเฟเล่มีแผนลงทุนประมาณ 73 ล้านยูโรในด้านการตลาด การขนส่งและกระจายสินค้า ระบบไอที และการผลิตในปี 2562 นี้ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางตลาดที่ท้าทายมากขึ้น โดยในปีนี้ เฮเฟเล่ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในระดับ 4-6% โดยบริษัทยังคงมองเห็นความเสี่ยงต่างๆ ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูง ตลอดจนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในหลายประเทศ
ทางด้าน นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับ เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) มียอดขายเป็นอันดับที่ 3 ของ เฮเฟเล่ ทั่วโลก รองจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอังกฤษ และมียอดขายมากที่สุดเมื่อเทียบกับ ประเทศต่างๆ ในเอเชีย และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำ ในกลุ่มของบริษัทเฮเฟเล่ทั่วโลก
ตลอดระยะเวลา 25 ปี เฮเฟเล่ประเทศไทย เติบโตและมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น เป็น 3,700 ล้านบาท ในปี 2018 โดยมีพนักงานเพิ่มขึ้น มากกว่า 1,500 คน และมีสินค้าคงคลังจำนวนมาก มีมูลค่ามากกว่า 1,700 ล้านบาท มีสินค้า มากกว่า 20,000 รายการ และมีสินค้ามากกว่า 50,000 รายการ ที่พร้อมส่งจากประเทศเยอรมนีภายใน 7 วันทำการทางเครื่องบิน
นายโฟลเคอร์ กล่าวต่ออีกว่า โดยในไตรมาศที่ 1 ปี 2562 มียอดขายเติบโตเป็น 2 ดิจิต ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการ ดำเนินธุรกิจในปี 2562 ที่คาดว่าจะทำยอดขาย ถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่ายอดขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสินค้าในหมวดอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และยอดขายจากตัวแทนจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่นเดียวกับยอดขายของสินค้ากลุ่มอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบ กับปีที่ผ่านมา
“ในปีนี้ เฮเฟเล่ มีการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า บางนา-ตราด กม.22 โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 350 ล้านบาท เพื่อเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าอีก มากกว่าหนึ่งเท่าตัว รวมเป็นพื้นที่ 24,000 ตรม. ซึ่งการขยายคลังสินค้านี้ เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้พร้อม สำหรับการฉลองครบรอบปีที่ 25 ของเฮเฟเล่ ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ นอกจากนี้เฮเฟเล่ได้ออกแบบและปรับปรุง เฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ ในกรุงเทพมหานคร ที่ ซอยสุขุมวิท 64 และอัพเกรดเฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สาขาอื่น ๆ ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 40 ล้านบาท อีกด้วย” นายโฟลเคอร์ กล่าวสรุปในตอนท้าย
Post Views: 35