Update Newsศิลปวัฒนธรรมสังคมสังคม/CSR

สำนักงานสลากฯ เดินหน้าสานต่อ ‘สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7’ เสริมแกร่งชุมชน ร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 เวลา 14.00 น. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (GLO) โดย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากสำนักงานสลากฯ ทีมที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาชุมชน และผู้นำชุมชน กลุ่มตัวแทนจากชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 10 แห่ง จากทั่วประเทศ ร่วมเปิดตัวโครงการ ‘สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7’ ณ OROSE Food & Beverage จังหวัดนนทบุรี

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า โครงการสลากสรรค์สร้าง เพื่อชุมชนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันในปี 2568 ได้ขับเคลื่อนเข้าสู่ปีที่ 7 เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อย่างแท้จริงของสำนักงานฯ ในการดำเนินการตามวิสัยทัศน์การเป็น “องค์กรที่มุ่งเน้นนวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจ สังคมให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน” ด้วยการสนับสนุนโครงการที่สามารถยกระดับ สร้างคุณค่า ส่งเสริมอาชีพ และเชื่อมต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นให้กับชุมชน สู่การสร้างรายได้และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

สำหรับโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 7 ยังคงดำเนินการผ่านแนวคิดในการขับเคลื่อนด้านการพัฒนา การบริหารจัดการชุมชน ด้านผลิตภัณฑ์ชุมชน และบริการชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้มีสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตที่เอื้อต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนในปีนี้ยังได้ให้ความสำคัญในการสนับสนุนด้านการพัฒนา “Soft Power” ให้ชุมชนสามารถใช้จุดแข็งของตนเอง เช่น อาหารพื้นบ้าน ศิลปหัตถกรรม และแหล่งท่องเที่ยว มาพัฒนาต่อยอด ผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้จากทีมที่ปรึกษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาชุมชนในมิติต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นเกิดการหมุนเวียน

 

“นอกจากภารกิจหลักในการจัดหารายได้ให้แผ่นดินแล้ว สำนักงานฯ ยังมุ่งมั่นให้โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน เป็นอีกหนึ่งภารกิจหลักสำคัญในการนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการดำเนินการมาใช้ดูแลสังคมและชุมชน สนับสนุนชุมชนไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก เพราะเชื่อว่าความเข้มแข็งของชุมชนคือรากฐานสำคัญของความมั่นคงของประเทศ”

ทั้งนี้ ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน จะต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 100 คน หรือไม่น้อยกว่า 50 หลังคาเรือน และมีพื้นฐานด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรม รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยในปี 2568 ได้รับความสนใจจากชุมชนต้นแบบจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากถึง 26 ชุมชน และคณะกรรมการได้ทำการคัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพในการพัฒนาจำนวน 14 ชุมชน แบ่งเป็น 10 ชุมชนใหม่ และ 4 ชุมชนเดิมจากโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 1-6
เพื่อลงพื้นที่ไปพัฒนาการบริหารจัดการชุมชนอย่างใกล้ชิด

โดยทั้ง 10 ชุมชนใหม่ ได้แก่ 1 ชุมชนบ้านคลองสอง จังหวัดนนทบุรี 2.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะลัดอีแท่นจังหวัดนครปฐม  3. วิสาหกิจชุมชนฮักเกษตรคลองลานบ้านเฮา จังหวัดกำแพงเพชร, 4.วิสาหกิจชุมชนตลาดหัวปลีจังหวัดสระบุรี 5.ชุมชนถ้ำรงค์ จังหวัดเพชรบุรี 6.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนป่าสักหลวง จังหวัดเชียงราย, 7.ศูนย์วัฒนธรรมไทลื้อวัดหย่วน จังหวัดพะเยา 8.วิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านท่าข้ามควาย จังหวัดสตูล 9.วิสาหกิจชุมชนเกษตรสรรค์สร้าง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ 10.ชุมชนตำบลดอนนางหงส์ จังหวัดนครพนม

และ 4 ชุมชนเดิม ได้แก่ 1. ชุมชนไทดำบ้านนาป่าหนาด จ.เลย (โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 5), 2.ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเดื่อ จังหวัดหนองคาย (โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 6),  3.ชุมชนบ้านท่าวัดเหนือ จังหวัดสกลนคร (โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 6)  4.วิสาหกิจชุมชน บ้านตาชายายสาคลองห้าร้อย จังหวัดนนทบุรี (โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 6)

ทั้งนี้ ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการพัฒนาจากทีมที่ปรึกษาของโครงการฯ ทั้ง 4 ด้านประกอบด้วย ด้านการพัฒนาชุมชนด้านกลยุทธ์การตลาด ด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร ตลอดจนการจัดแสดงนิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การจัดทำ E-Catalog นำเสนอผลิตภัณฑ์/บริการเด่นของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่ ปี 1-7 และการพัฒนาป้ายสำคัญในชุมชนและเอกสารแนะนำชุมชน รวมถึงการประชาสัมพันธ์ชุมชนให้เป็นที่รู้จักเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น การจัดงานแถลงข่าวโครงการฯ การจัดการท่องเที่ยวชุมชน การเผยแพร่ข้อมูลชุมชน ผ่านสถานีโทรทัศน์ / Youtuber เป็นต้น พร้อมด้วยการจัดทำแผนการยกระดับชุมชนฯ แผนการตลาดออนไลน์และแผนการเชื่อมโยงความสำเร็จเชิงพาณิชย์ให้กับทุกชุมชน ตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 1-7  มีจำนวนชุมชนที่ได้รับการพัฒนาแล้วทั้งหมด 67 ชุมชน