วาโก้จับมือรฟม. จัดโครงการ“วาโก้บราเดย์ บรามีค่า…สร้างอาชีพ รักสิ่งแวดล้อม”
ประสบความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ โครงการ “วาโก้บราเดย์ บรามีค่า…สร้างอาชีพ รักสิ่งแวดล้อม” ปีที่ 6 ซึ่งเป็นโครงการที่จัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปีโดย บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) โดยนอกจากโครงการนี้จะได้มีการนำเอาบราเก่าที่เสื่อมสภาพที่ได้รับบริจาคมาจากผู้หญิงทั่วประเทศมาจัดทำเป็นชิ้นงานฝีมือประดิษฐ์ไอเดียสร้างสรรค์ ให้แก่กลุ่มสตรีในบ้านพักฉุกเฉินที่ประสบปัญหาวิกฤตชีวิตครอบครัวทั้งร่างกาย และจิตใจแล้ว อีกหนึ่งแนวคิดที่สำคัญคือการกำจัดขยะ ภายใต้แนวคิด Zero Waste (ขยะ เท่ากับ ศูนย์) เพื่อช่วยลดขยะภายในชุมชนอีกด้วย สำหรับในปีนี้โครงการวาโก้บราเดย์ฯ ได้มีการจับมือกับพันธมิตรใหม่คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่ได้มีการจัดกิจกรรม"รฟม. รักษ์สิ่งแวดล้อม ยกทรงยกใจ” พร้อมกับได้มีการจัดพิธีส่งมอบบราเสื่อมสภาพให้แก่ทางโครงการฯอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเกียรติจากนาย ฤทธิกา สุภารัตน์ รองผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (บริหาร) รักษาการผู้ว่าการ รฟม เป็นตัวแทนในการส่งมอบกล่องรับบริจาคบราเก่าให้แก่นายวรเทพ อัศวเกษม กรรมการบริหาร บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) และ รองผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์วาโก้ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ณ บริเวณชั้น 1 อาคารสำนักงานใหญ่รฟม.พระราม 9 กรุงเทพมหานคร และได้มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการวาโก้บราเดย์ฯ ได้แก่การตัวอย่างชิ้นงานฝีมือที่ผลิตจากวัศดุที่ใช้ในการผลิตบรา บอร์ดนิทรรศการแสดงการนำบราเก่าไปย่อยสลายเป็นพลังงานทดแทน โดยมีผู้บริหารพร้อมด้วยพนักงานจากทางรฟม. บ.จ.ม.ไอซีซีและวาโก้มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง นส. สิริธิดา ธรรมกุล ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในปีนี้ทางรฟม. ได้ทราบว่าทางบริษัทวาโก้ มีการจัดทำโครงการวาโก้บราเดย์ ฯเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมก็รู้สึกมีความสนใจมาก และรู้สึกว่าโครงการนี้ตอบโจทย์ให้กับผู้หญิงอย่างเราหลายๆคน ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมทางด้านกิจกรรมและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะว่าเข้าใจได้เลยว่าบราที่ผู้หญิงใช้แล้วเสื่อมสภาพหลายๆคนก็ไม่รู้จะนำไปไว้ที่ไหน จึงได้ให้ทางทีมงานโทรไปติดต่อประสานงานกับทางวาโก้จึงได้ทราบว่าโครงการนี้นอกจากจะเป็นการจะส่งเสริมอาชีพ แล้วยังนำชิ้นส่วนบราเก่าไปเผาเพื่อทำเป็นพลังงานบริสุทธิ์อีกด้วย จากนั้นจึงเกิดการพูดคุยและร่วมมือกัน เพื่อ สร้างเสริมให้ผู้บริหารพนักงาน รฟม. และประชาชนผู้ใช้บริการ ได้มีโอกาสในการเป็นผู้ให้ เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้แก่สังคม รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการดีๆเช่นนี้ ทางรฟม.เองได้ให้ความสำคัญของสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อสุขภาพของคนเราโดยตรง ส่วนในด้านผลตอบรับเกี่ยวกับโครงการฯ นับว่าได้รับ ผลตอบรับที่ดีมาก จากการที่ทางรฟม.ได้ไปทำการวางกล่องรับบริจาค ตามอาคารสำนักงานและลานจอดรถทั้งหมด 6 จุด เพื่อเปิดรับบริจาคเสื้อชั้นในที่ไม่ใช้งานจากผู้บริหาร พนักงานและประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลและสายฉลองรัชธรรม ปรากฏว่าได้รับบราเก่าที่มีคนนำมาบริจาคคิดเป็นน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนยอดบริจาคที่เยอะมากภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือนเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความเข้าใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาก จึงมีความรู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมทำโครงการนี้และคิดว่าจะมีการร่วมมือกันกับทางวาโก้ต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
ส่วนทางด้านนางอินทิรา นาคสกุล ผู้จัดการส่วนการตลาดผลิตภัณฑ์วาโก้ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) อีกหนึ่งในหัวเรือใหญ่ของโครงการฯ กล่าวว่าแนวคิด Zero Waste (ขยะ เท่ากับ ศูนย์) เป็นแนวคิดที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสังคมซึ่งทางวาโก้ จะนำบราที่เสื่อมสภาพมาทำการแยกชิ้นส่วน โดยส่วนที่เป็นโลหะ จะนำไปทำการรีไซเคิลเพื่อนำชิ้นส่วนให้กลับมาใช้ได้อีก ส่วนวัสดุเหลือใช้ เช่นเส้นใย จะใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงเผาแบบระบบปิดในเตาปูนซีเมนต์ ให้เกิดเป็นพลังงาน เพื่อทำให้ขยะชุมชนน้อยลง มีพลังงานทดแทน เพราะหากเราปล่อยให้บราเสื่อมสภาพเอง จะต้องใช้เวลาย่อยสลายนานกว่าร้อยปี
สำหรับในปีนี้ทางวาโก้มีความยินดีที่ได้มีพันธมิตรใหม่คือรมฟ.ที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมในการช่วยโครงการฯ เพื่อนำบราเก่าไปกำจัดอย่างถูกวิธี ลดปัญหาขยะชุมชนและการเกิดมลพิษ ด้วยการใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในการเผาด้วยระบบปิดเพื่อใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์ จึงนับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการเพื่อสังคมที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม นับตั้งแต่เริ่มรับบริจาคจนดำเนินงานจบสิ้นโครงการในทุกๆปี สำหรับในปีหน้าทางวาโก้ก็จะยังคงมีการจัดโครงการ“วาโก้บราเดย์ บรามีค่า…สร้างอาชีพ รักสิ่งแวดล้อม” อย่างต่อเนื่องและยินดีเปิดรับพันธมิตรเพื่อทำโครงการดีๆร่วมกันเช่นนี้เพื่อสังคมต่อไปนางอินทิรา นาคสกุล กล่าวทิ้งท้าย