กรมควบคุมโรค ร่วมกับเครือข่าย รณรงค์ออกกำลังกายในน้ำ ป้องกันการพลัดตก หกล้มในผู้สูงอายุ
ที่สระว่ายน้ำกระทรวงสาธารณสุข (15พ.ค.2562) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธาน ร่วมกับเครือข่าย นางสาวธัณณ์จิรา ไทยธานี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาวิชาการ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ รศ.ดร.ไพลวรรณ สัทธานนท์ รองคณบดีคณะสหเวชศาสตร์ ผศ.ดร.สันทณี เครือขอน และคณะภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และตัวแทนผู้สูงอายุ ร่วมรณรงค์ป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ “ก้าวสู่สูงวัย ออกกำลังกายในน้ำกันล้ม” พร้อมกิจกรรมรณรงค์และสาธิตการออกกำลังกายในน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยในการทรงตัว เพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้อีก 2 ปี จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ และยังพบปัญหาสุขภาพจากการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง การเดินบกพร่อง การมองเห็นเลือนราง และปัญหาที่พบบ่อย คือ การบาดเจ็บจากการพลัดตกหกล้ม จากการสำรวจพบว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หกล้มทุกปี โดยผู้สูงอายุเพศหญิงพลัดตกหกล้มสูงกว่าเพศชาย 1.6 เท่า และใช้บริการรถพยาบาลฉุกเฉินด้วยสาเหตุการพลัดตกหกล้มวันละ 140 ครั้ง ทั้งยังเป็นสาเหตุของผู้ป่วยในอันดับ 1 และผู้สูงอายุเสียชีวิตจากการหกล้มเฉลี่ยวันละ 2 คน ผลจากการหกล้มทำให้ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อย ถึงขั้นรุนแรงจนสะโพกหักกว่า 3,000 คนต่อปี ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง จากการที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นในการดูแล ช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
การบาดเจ็บจากการพลัดตกหกล้ม มักเกิดภายนอกบ้าน ส่วนใหญ่เกิดจาก การลื่น สะดุด และก้าวพลาดบนพื้นระดับเดียวกัน ร้อยละ 66 ตกหรือล้มจากบันไดหรือขั้นบันได ร้อยละ 5.6 ซึ่งปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การทรงตัวบกพร่อง การมองเห็นบกพร่อง รับประทานยาที่เสี่ยงหรือยามากกว่า 4 ชนิด มีประวัติการพลัดตก หกล้ม และอยู่บ้านยกพื้นสูง หรือต้องขึ้น – ลงบันไดทุกวัน ซึ่งในปัจจุบันผู้สูงอายุยังคงใช้ชีวิตประจำวัน ในสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ดังนั้น ควรมีการดัดแปลงบ้านให้เหมาะสมกับวัย เช่น มีราวจับบริเวณบันได มีราวจับ ในห้องน้ำและห้องนอน พื้นปรับให้ไม่ลื่น ใช้โถส้วมแบบชักโครกหรือนั่งราบ เป็นต้น
สำหรับการป้องกันพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุมีมาตรการที่สำคัญ ได้แก่ 1.ผู้สูงอายุควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่น้อยกว่า 150 นาที/สัปดาห์ โดยเฉพาะการออกกำลังกายในน้ำ ซึ่งมีความปลอดภัย ไม่ทำให้ข้อเข่าและข้อสะโพก เกิดการบาดเจ็บ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ช่วยในการทรงตัว และป้องกันการพลัดตกหกล้มได้ 2.ผู้สูงอายุเข้ารับการประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม และ 3.ทีมสหสาขาจัดการแก้ไขปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยร่วมกัน จะช่วยลดโอกาสการหกล้มได้ นอกจากนี้ขอแนะนำให้ชุมชนและเครือข่ายร่วมกันปรับปรุงบ้านและสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุสามารถประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มได้ด้วยตนเองที่ Thaincd.com ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422