ธุรกิจ-เศรษฐกิจพาณิชย์เศรษฐกิจ

DITP สานต่อความสำเร็จ เตรียมนำทัพเอกชนกว่า 80 ราย ตะลุยตลาดอินเดียต่อเนื่อง

DITP เตรียมพร้อมนำทัพเอกชนกว่า 80 รายลุยจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้นำเข้าแดนโรตี ณ เมืองเบงกาลูรู (บังกาลอร์) และไฮเดอราบัด สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2563 หวังเร่งขยายมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการไทยเติบโตต่อเนื่อง สานต่อผลสำเร็จการเดินทางเยือนมุมไบ-เจนไน กันยายนที่ผ่านมา


นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้นำคณะผู้แทนการค้าเอกชนเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย (มุมไบ-เจนไน) ระหว่างวันที่ 24-28 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จสามารถขยายมูลค้าการค้าจากกิจกรรมเจรจาการค้าและกิจกรรมอื่นๆ เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง DITP จึงเตรียมจัดโครงการนำคณะผู้แทนการค้าเอกชนเดินทางเยือนอินเดียรอบใหม่ นำโดยรนม. และรมว. พณ. (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ณ เมืองเบงกาลูรู และไฮเดอราบัด ระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2563 เพื่อเร่งขยายโอกาสและลู่ทางการส่งออกสินค้าและธุรกิจบริการของไทยสู่ตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง 


“ที่ผ่านมากรมฯ ได้เล็งเห็นมาโดยตลอดว่าอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งตลาดหนึ่งของไทย ด้วยจำนวนประชากรรวมกว่า 1,300 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากจีน และจากรายงาน World Population Prospects 2019 ขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าในปี 2030 หรือเพียง 10 ปีข้างหน้า อินเดียจะมีประชากรรวม 1,500 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าจีน และในปี 2040 จะมีประชากรเพิ่มขึ้นถึง 1,590 ล้านคน ที่สำคัญอินเดียเป็นตลาดที่พึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนดังเช่นที่ประเทศอื่นๆ ประสบมากนัก 

โดยกรมได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าและธุรกิจบริการของไทยสู่ตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทดแทนตลาดส่งออกเดิมของไทยในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเป็นไปตามนโยบายของรนม. และรมว. จุรินทร์ที่ให้เร่งขยายตลาดอินเดียเชิงรุกโดยเจาะตลาดเป็นรายรัฐ รวม 8 รัฐเป้าหมายของอินเดีย ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐคุชราต รัฐกรณาฏกะ รัฐทมิฬนาฑู รัฐเตลังกานา นิวเดลี รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐเจ็ดสาวน้อยหรือรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย” อธิบดีสมเด็จให้ข้อมูลเพิ่มเติม


สำหรับการนำคณะผู้แทนการค้าเอกชนเดินทางเยือนเมืองเบงกาลูรูและไฮเดอราบัดที่จะถึงนี้ เป็นการมุ่งเจาะตลาดอินเดียเพิ่มใน 2 รัฐเป้าหมาย ได้แก่ รัฐกรณาฏกะและรัฐเตลังกานา ซึ่งทั้ง 2 รัฐถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีของอินเดีย ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจอื่นๆ ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยว เป็นต้น ทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ อีกมากเพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง รวมถึงความต้องการของนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติด้วย


ทั้งนี้ นอกจากกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจในสินค้าประเภทต่างๆ ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม อาทิ แป้งมันสำปะหลัง ไม้ยางพารา อาหาร ผลไม้ วัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง เป็นต้น ไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมระหว่างการเดินทางเยือนอินเดียครั้งนี้ยังประกอบด้วย พิธีเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของไทย (TOPTHAI Store) บนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดีย (Bigbasket.com) เป็นครั้งแรก 

ซึ่งกรมเพิ่งลงนาม MOU กับเว็บไซต์ดังกล่าวในช่วงการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสัมมนาและสร้างเครือข่ายธุรกิจร่วมกับสภาธุรกิจไทย-อินเดียในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่ง และงานสัมมนาโอกาสของไม้ยางพาราไทยในตลาดอินเดียร่วมกับสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอาหารและผลไม้ไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอินเดียอีก 2 แห่งด้วย กรมฯ มั่นใจว่าการนำคณะผู้แทนการค้าเอกชนเดินทางเยือนอินเดียรอบใหม่นี้จะประสบความสำเร็จด้วยดีดังเช่นเคย สามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างไทยและอินเดียให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไปในที่สุด” อธิบดีสมเด็จกล่าวทิ้งท้าย