MEA จับมือ ขสมก. ร่วมพัฒนาพลังงานทดแทน ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน
นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA และนายสันติ นำสินวิเชษฐชัย รองผู้ว่าการ MEA พร้อมด้วย นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และนางพริ้มเพรา วงศ์สุทธิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเดินรถ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน โดยร่วมกันพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การวิจัยและพัฒนาต้นแบบ EV Charging Station สำหรับรถเมล์ไฟฟ้าสาธารณะ ตลอดจนร่วมกันศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าและปรับลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า ณ อาคารวัฒนวิภาส การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา ผู้ว่าการ MEA เปิดเผยว่า MEA ในฐานะรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ในการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยมุ่งมั่นพัฒนาระบบไฟฟ้าที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพ วิจัยนำนวัตกรรมด้านพลังงานมาใช้ไปพร้อม ๆ กับการใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์พลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน โดยที่ผ่านมา MEA มีการสร้างความร่วมมือกับหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาการใช้พลังงานทดแทนให้เกิดประโยชน์กับองค์กร หน่วยงาน และประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ MEA ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงาน กับ ขสมก. โดย MEA ได้สนับสนุนนวัตกรรมและให้ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เพื่อผลักดัน ขสมก. ให้เป็นต้นแบบองค์กรด้านพลังงานที่ยั่งยืน ได้แก่ 1. การให้ความร่วมมือในการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ด้วยการนำเทคโนโลยีระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) มาใช้เพื่อการประหยัดพลังงาน 2. การให้ความร่วมมือในการศึกษาวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า และปรับลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในด้านต่าง ๆ ดังนี้ - การประหยัดพลังงานสำหรับระบบแสงสว่าง โดยเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED และใช้อุปกรณ์อัจฉริยะที่เกี่ยวข้องกับ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการโคมไฟส่องสว่าง (Smart Street Light) เช่น การปรับลดการส่องสว่างของโคมไฟถนนเมื่อไม่จำเป็น และเมื่อเกิดเหตุขัดข้องสามารถทราบได้ทันทีผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เป็นต้น - การประหยัดพลังงานสำหรับเครื่องปรับอากาศเดิม โดยเปลี่ยนมาใช้เครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง - การใช้ Energy Management Software เพื่อบริหารจัดการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) - การให้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การกักเก็บพลังงาน และการจ่ายพลังงาน - การส่งเสริมและให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการใช้พลังงานกับบุคลากรภายในองค์กร - การให้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา การใช้หลอดไฟที่มีคุณสมบัติการปล่อย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้แก่ โคโรนาไวรัส และไวรัสอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพบนรถประจำทางของ ขสมก. - การให้ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาต้นแบบ EV Charging Station ที่ใช้พลังงานที่ผลิตได้จาก Solar Rooftop ในเขตการเดินรถของ ขสมก. และประยุกต์เทคโนโลยี IoT Smart Parking เพื่อบริหารจัดการระบบคิวของการใช้ EV Charging Station ให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ขสมก. เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปโภค ในสังกัดกระทรวงคมนาคม มีหน้าที่ในการจัดบริการ รถโดยสารประจำทางวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร ในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยล่าสุด ขสมก. ได้ริเริ่มโครงการ EV BUS ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีการใช้รถ EV ที่ประกอบภายในประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ภายในประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตได้ในประเทศทั้งหมด และเป็นรถชานต่ำ (Low Floor) ที่เป็น Universal Design และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายเพื่อลดมลภาวะและส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย ความร่วมมือระหว่าง MEA และ ขสมก. ในครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับระบบสาธารณูปโภคของประเทศให้ทันสมัย รองรับกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน Website : http://www.mea.or.th/content/detail/87/5511