ไอแอนด์ไอกรุ๊ป (iiG) เผยกลยุทธ์หลักในการขยายฐานธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งองค์กรผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) กับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยคาดว่าปีหน้าจะสามารถปิดได้อีก 2 ดีล ทั้งนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในต่างประเทศ กลุ่ม CLMV มั่นใจตั้งเป้ารายได้ปี 2566 เติบโตพุ่งกว่า 50%
นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (iiG) ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานฟอร์เมชันแบบครบวงจรของประเทศไทย เปิดเผยในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทครั้งที่ 1/2565 ว่า iiG มีเป้าหมายจะขยายและต่อยอดธุรกิจด้วยกลยุทธ์การควบรวมกิจการ หรือการเข้าซื้อกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (M&A) เพื่อให้สามารถพัฒนาการบริการใหม่ ๆ เพิ่มเติมจากเดิม โดยเฉพาะการให้บริการด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM (Customer Relationship Management) การบริหารประสบการณ์ลูกค้า หรือ CXM (Customer Experience Management) และการจัดการและการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร หรือ ERP (Enterprise Resource Management) ซึ่งมีความต้องการจากองค์กรชั้นนำที่ต้องการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตหลายเท่าตัว และมีแนวโน้มที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจเพื่อเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งได้อย่างยั่งยืน
"iiG ยังคงมุ่งหาพันธมิตรที่จะทำให้เกิดการผสานจุดแข็งทางธุรกิจระหว่างกัน (Synergy) รวมทั้งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแขนงต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการต่อยอดธุรกิจได้เร็วขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ในภาวะที่ทุกองค์กรต้องเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ขณะนี้ บริษัทฯ กำลังเจรจากับพันธมิตรอีก 2 ราย ซึ่งคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากมีความคืบหน้าบริษัทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง"
iiG ได้มีการทำ M&A อย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 หลังจากนั้นในปี 2564 บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท วิริยะพรอพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลอินชัวรันซ์และยกระดับอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และเตรียมพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เร็วๆ นี้ และในปีเดียวกัน บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท ดิจิเนทีฟ จำกัด เพื่อขยายธุรกิจ ด้าน Digital Marketing ต่อยอดกับบริการเดิมด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM และการบริหารประสบการณ์ลูกค้า หรือ CXM ล่าสุดปี 2565 บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัด ที่ปรึกษาและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร ซึ่งมีมูลค่าเงินลงทุน 331.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
การเข้าทำธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมดของ Lansing ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ iiG ไปแล้วนั้น จะช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตมากขึ้น เนื่องจาก Lansing เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้าน Software Development, Outsourcing และ IT Staffing มีประสบการณ์เชี่ยวชาญมากกว่า 12 ปี
ทั้งนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ยังได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 6,861,842 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 50 ล้านบาท เป็น 56.86 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 13,723,684 หุ้น ซึ่งจะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 8,723,684 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด หรือ Private Placement ได้แก่ บริษัท แลนซิ่งโฮลดิ้ง จำกัด ที่จะโอนกิจการทั้งหมดจำนวน 510,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 51 มาชำระเป็นค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ iiG แทนการชำระด้วยเงินสด ส่วนหุ้นเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 5,000,000 หุ้น จะจัดสรรเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ (iiG W1) ของผู้ถือหุ้นเดิม
นายสมชายชี้ว่าธุรกิจ Outsourcing Service เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใส เพราะมีการเติบสูงอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นแนวโน้มของทั่วโลก ซึ่งเป็นผลจากการที่ทุกองค์กรต้องเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรด้านไอที นอกจากนี้ ผู้บริหารและทีมงานของ Lansing ยังมีความเชี่ยวชาญด้าน HealthTech ระดับแถวหน้าของประเทศ และเป็นผู้ให้บริการแก่กลุ่มโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
ปัจจุบัน Lansing เป็นผู้ให้บริการติดตั้ง TrakCare ระบบเวชระเบียนระดับโลกที่ช่วยจัดการฐานข้อมูลต่างๆ ของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นระบบข้อมูลโรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) ชั้นนำติด 4 อันดับแรกของโลก ที่โรงพยาบาลชั้นนำในไทยส่วนใหญ่เลือกใช้ และยังให้บริการพัฒนาเฮลท์แคร์แอปพลิเคชัน ทั้งการนัดหมายแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ (Online Appointment) ระบบยืนยันตัวตนในการลงทะเบียนผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ (Online Patient Register E-KYC) ระบบการรายงานผลสุขภาพผ่านระบบออนไลน์ (Health Report หรือ E-Booklet) การรายงานผลจากห้องแล็บ (LIS Interface) ภาพผลเอกซเรย์ (PACS Interface) ระบบนับก้าวเดินบนอุปกรณ์ไร้สายที่รองรับได้ทั้ง Apple และ Android (Step Count with Apple/Android device) ระบบ Telehealth และ E-commerce Interface โดยมีลูกค้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลรัฐชั้นนำในประเทศไทย
“ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในอุตสาหกรรม Healthcare & Wellness และมีเป้าหมายจะเป็นศูนย์กลางระดับโลก ฉะนั้น การควบรวมกิจการกับ Lansing จะทำให้ iiG สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจนี้ในประเทศไทย และขยายไปสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นธุรกิจเป้าหมายที่เรากำลังจะมุ่งไปในอนาคต”
นอกเหนือจากการขยายฐานธุรกิจแล้ว Lansing ยังสามารถจัดหาบุคลากรให้กับ iiG ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้ Lansing มีพนักงานเกือบ 300 คน และจะเพิ่มเป็น 400 คนในปีหน้า
ส่วนด้านรายได้ ในปี 2565 iiG คาดว่าจะมีรายได้รวม 900-950 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 1,400-1,500 ล้านบาท ในปี 2566 ขณะที่ Lansing จะมีรายได้ปีนี้ 250 ล้านบาท และคาดว่าจะมากกว่า 300 ล้านบาทในปีหน้า
สำหรับบริษัทร่วมทุน บริษัท ไอแอนด์ไอ เวนเจอร์ จำกัด หรือ iiV มีแผนจะเปิดตัว AI-based Digital Insurance Platform ในปลายปีนี้ ซึ่งจะเริ่มให้บริการประกันภัยรถยนต์ และประกันสุขภาพ โดยในส่วนประกันภัยรถยนต์จะเป็นการให้บริการด้านซอฟต์แวร์ หรือ SaaS (Software-as-a-Service) โดยจะเริ่มต้นให้บริการด้าน Motor Inspection & Motor Claim ซึ่งเป็นขั้นตอนการตรวจสอบความเสียหายและการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน โดยผู้เอาประกันภัยสามารถทำได้ด้วยตนเองผ่านทางแอปพลิเคชัน ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้แก่ผู้เอาประกันภัย
ส่วนบริการประกันสุขภาพจะเริ่มต้นให้บริการด้าน Voice QC ซึ่งเป็นการควบคุมคุณภาพการให้บริการของพนักงาน Contact Center เพื่อช่วยวัดความพึงพอใจของลูกค้าในระหว่างการสนทนา ช่วยตรวจเช็คว่าการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าในระหว่างการสนทนานั้นเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือไม่ และช่วยตรวจสอบได้ว่า Contact Center นั้น ได้ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าตรงตามที่บริษัทประกันกำหนดไว้หรือไม่
ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการและมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า โดย Digital Insurance Platform จะเป็นจิ๊กซอว์ที่จะไปเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์และบริการของ Lansing ในการสร้าง End-to-end Solution และนำไปสู่การสร้าง HealthTech ระดับชาติ
Post Views: 31