‘Scene Bangkok’ แบรนด์ไทยระดับพรีเมี่ยม โมเมนต์ที่อยากให้ลอง
ย่านพรานนก - พุทธมณฑล (ตัดใหม่) ที่ตั้งของร้าน Scene Bangkok ริมถนนใหญ่ แม้เพิ่งเปิดดำเนินกิจการได้เพียงไม่นาน แต่ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าจนแน่นขนัดตลอดวัน อาณาจักร Scene Bangkok Pâtisserie & Brasserie ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 5 ไร่ ถูกจัดสรรปันส่วนออกเป็น 3 โซน จากส่วนหน้า เปิดเป็นร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ ออกแบบเป็นอาคารขนาดใหญ่ โทนสีขาวสะอาดตา ตัดด้วยเขียวเข้มของสวนสวยด้านหน้า ภายในอาคารประกอบด้วยชั้นล่างและชั้นลอย ออกแบบสไตล์โมเดิร์นผสานกลิ่นอายฝรั่งเศส เน้นโทนขาวฟ้า จัดพื้นที่ส่วนกลางโถงของอาคารเป็นเคานเตอร์ 360 องศา โชว์การทำเครื่องดื่ม ค้อกเทล ต่างๆ โดยเชฟและรายล้อมด้วยขนมเบเกอรี่โดยรอบผ่านตู้โชว์แสนสะอาด ด้านนอกอาคารยังจัดพื้นที่สำหรับนั่งชิลๆ แบบ Open Air สำหรับคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสบายๆ ยามเย็น ร้าน Scene Bangkok นำเสนอโปรดักส์ทุกประเภทระดับพรีเมี่ยมที่เกี่ยวกับเบเกอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น พัฟฟ์ พาย ครัวซอง มาการอง ไอศกรีม เค้กวันเกิด เพิ่มเติมด้วยเมนูอาหาร ไวน์ กาแฟ ส่วนด้านหลังเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งผู้บริหารใช้คำว่าโรงครัวอยู่เพื่อให้รู้สึกของความเป็น Homey เป็นส่วนแบล็คอัพส่งสินค้าออกสู่ตลาดตามโมเดิร์นเทรด ในรูปแบบของ OEM ให้กับร้านค้าอื่นๆ ในการออกแบบโปรดักส์ ดีไซน์ งานต่างๆ การจัดสรรวัตถุดิบการนำเข้าจากฝรั่งเศส และจากภายในประเทศ เยื้องอาคารร้านด้านหน้าเป็นสวนสวยที่ออกแบบตกแต่งโดยคุณแม่ของผู้บริหารทั้งสองคน และส่วนของ Zachi Omakase ต้อนรับลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น โดยเชฟฝีมือระดับประเทศ ประสบการณ์การปั้นซูชิกว่าหมื่นคำต่อวัน การันตีด้วยความ Premium ที่จัดว่าดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การบริหารงานของนักธุรกิจรุ่นใหม่สองพี่น้องตระกูล “อนุวัตเมธี” คุณลูกไม้และคุณซีน-ดุสิตา อนุวัตเมธี วันนี้พร้อมแล้วกับการเปิดประสบการณ์จากการสั่งสมฝีมือมานานนับสิบปี จุดเริ่มต้นของการเปิดร้าน ในช่วงสายของวันที่ลูกค้าหลั่งใหลเข้าสู่ร้าน สองพี่น้องนักธุรกิจรุ่นใหม่ของเราสาละวนอยู่กับการเทคแคร์ลูกค้า จนกระทั่ง ... สามารถปลีกเวลามานั่งคุยกับเราถึงที่มาของอาณาจักรแห่งนี้ คุณลูกไม้ อนุวัตเมธี กรรมการผู้จัดการ ร้าน Scene Bangkok ผู้พี่เล่าให้ฟังความหลงใหลในเบเกอรี่ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย ว่า ...สมัยเด็ก คุณแม่เคยซื้อทัวร์พาไปฝรั่งเศส น้องซีนยังตัวเล็กๆ เราแอบหนีทัวร์ไปเดินเล่นกินขนมจนเจอเลม่อนทาร์ตชิ้นหนึ่ง รู้สึกว่าขนมอะไรไม่เคยทานมาก่อน ก็รู้สึกประทับใจตั้งแต่นั้น ไม้ชอบทำอาหารอยู่แล้ว กลับมาจึงลองทำ ถือเป็นจุดเริ่มต้น ไม้..รักในการทำอาหารเพราะตั้งแต่เด็ก คุณแม่บอกว่าเราชอบกินตลอด ก็ฝังใจมาตลอดว่าอยากกินขนมแบบนั้นและอยากทำให้ได้ กลับมาไทย หาขนมรสชาติที่เคยกิน สมัยก่อนไม่มีในไทย ในโรงแรมเมื่อสิบปีก่อนไม่มีเลย แต่เราอยากกินขนมรสชาตินี้” สมัยก่อนอินเตอร์เน็ตยังไม่มี ความรู้ที่ได้จึงเกิดจากการเปิดตำราอาหาร ลองผิดลองถูก เรื่อยมา รวมถึงการตระเวนเรียนจากเชฟต่างๆ ที่ผ่านการการันตีด้วยรางวัลความอร่อย
“..... ก็เริ่มจากเปิดหนังสืออ่านตอนนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ต เปิดมาทดลองทำ ทำเสีย ทำทิ้ง แต่ก็เริ่มศึกษาและยิ่งศึกษามากๆ ตอนนั้นยังไม่มีโรงเรียนสอนทำอาหารที่ใหญ่อย่างในปัจจุบัน ไปเรียนจากเชฟต่างๆ ที่ได้รับรางวัล โชคดีเราได้ภาษา ก็บอกกับแม่ว่า เราชอบด้านนี้” คุณซีน - ดุสิตา อนุวัติเมธี ผู้น้องที่ผันตัวเองจากทันตแพทย์โดดลงมาช่วยพี่สาวบริหารงานเต็มตัว กล่าวเสริมว่า แม่ให้การสนับสนุน อยากทำอะไรให้ทำ ตามใจให้ทำเต็มที่ คุณพ่อก็ตามใจ ตอนนั้นซีนจะได้ทานอาหารที่พี่ไม้ทำตั้งแต่แข็งมากจนอร่อย (หัวเราะ) จิตวิญญาณ ด้วยความรักที่พร้อมจะเรียนรู้ และก้าวไปหาความฝันที่ตั้งใจ เธอเปิดร้านในขณะยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา “ .. รู้สึกอินกับการทำอาหารมาก เรียนมาเรื่อย ๆ รู้สึกว่า ตื่นมามีความสุขกับการทำขนม เรียกว่าเป็นจิตวิญญาณก็ว่าได้ .... จนตัดสินใจเปิดร้านตอนนั้นขอยืมเงินคุณพ่อ เปิดร้านชื่อ Tokyo Dessert อยู่แถวพุทธมณฑลสาย 2 เป็นร้านเล็กๆ เพราะตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่ม.มหิดล ด้วยและก็ใกล้บ้านด้วย .... คือจะถามตัวเองตลอดว่า เราอยากเป็นอะไร อยากเป็นเชฟหรืออยากเป็นแบบคุณพ่อที่เป็นนักธุรกิจ สรุปคือคิดว่าอยากเป็นนักธุรกิจเหมือนคุณพ่อตอนนั้นเรียนมหิดล จึงเรียนเพิ่มด้านบริหารธุรกิจ อยากเรียนรู้การทำตลาด .....ไม้ไปเจอ “อากิบะ” เชฟญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว เป็นคนจุดประกาย แกถามว่าอยากเรียนทำขนมจริงๆ หรือเปล่า มันไม่ได้สวยงามเหมือนกับที่คุณเรียนมานะ แต่เพราะอยากเรียนทำขนมจริงๆ ก็ไปร้านเขา ตอนนั้นเรียนที่มหิดลซึ่งอยู่ศาลายา ต้องขับรถตั้งแต่ตีห้าเพื่อเข้าไปเรียนกับอากิบะ แถวสุขุมวิท ไปเรียนกับเขา ทำตั้งแต่เช็ดพื้น ในช่วงแรกเตรียมแป้ง ร่อนแป้งอย่างเดียว จนตอนหลังได้เริ่มทำขนม ผ่านไปนาน จนวันหนึ่ง ... ไม้บอกกับ อากิบะว่า ขอเปิดร้านญี่ปุ่นที่พุทธมณฑลสายสอง เปิดร้านของเราเอง ทำเอง ทุกอย่าง ตอนเช้าเปิดร้าน บ่ายไปเรียน ตอนเย็นปิดร้าน ทำขนม ไป เปิดสี่ปีทำแบบนั้นตลอด ทำทุกอย่างจากใจ เลยทำออกมาได้ดี ลูกค้าก็ตอบรับดีมาก ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีสื่ออะไรมากมายเหมือนกับสมัยนี้ ... รู้สึกว่าเรามีความสุข นอนวันละสองชั่วโมงแต่เราสดชื่นตลอดเวลา” เข้าสู่ธุรกิจกับทางโมเดิร์นเทรด จากมีหน้าร้านเล็กๆ ย่านพุทธมณฑล ชื่อเสียงความอร่อยเลื่องลือจนทางโมเดิร์นเทรดระดับบิ๊กติดต่อมา ให้ทำขนมเป็น OEM ส่งสู่ตลาด ถือเป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจในแบบโรงงานผลิตเบเกอรี่ส่งตามร้านชั้นนำต่างๆ ทำอยู่ 6 ปี และปิดกิจการร้าน Tokyo Dessert หันมาจับ OEM โดยเฉพาะ แต่เพราะความเป็นคนชอบครีเอทงานที่มีอยู่ในตัวของทั้งสองคน ทำให้เริ่มมองหาแนวทางปลดปล่อยงานครีเอทผ่านเบเกอรี่ที่หลงใหล การเปิดหน้าร้านจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง คุณซีน - ดุสิตา เสริมว่า “ พอไปทำโมเดิร์นเทรดขนมก็จะแตกต่างกัน เราอยากครีเอทมากๆ แต่ด้วยต้นทุนและหลายๆอย่าง ซึ่งจะอยู่ในขอบเขตของจำนวนกับบัดเจทที่ต้องช่วยกันกับลูกค้า คุณลูกไม้ ผู้พี่ เล่าต่อว่า ... แอบเปิดร้าน ที่บอกว่าแอบเพราะพ่อจะบอกเสมอว่า ต้องทำช้าๆ ค่อยๆ ทำไปอย่าทำอะไรทีละสองอย่าง ถ้าทำไม่ไหวทุกอย่างจะพังไปหมด แต่ด้วยความที่ passion เรารุนแรงมากก็คุยกันกับแม่กับน้อง แอบเปิดร้าน Seen Bangkok พุทธมณฑลสายสอง ความตั้งใจคือ อยากปล่อยของ (หัวเราะ) และที่ใช้ชื่อseen เพราะเรารักน้องมาก แม่สอนให้เราดูแลน้อง ปกป้องน้องมาตลอด จึงใช้เป็นชื่อร้านคะ คุณซีน - ดุสิตา “.. คะ ดูแลเหมือนเรามีแม่สองคน เราสอบคนไม่เคยทะเลาะกันเลย” ผู้น้องเสริม คุณลูกไม้ กล่าวกับเราต่อว่า “เปิดร้านขึ้นมา ก็รู้สึกว่าเค้กที่มีอยู่ในไทยสวยมากจริงๆ แต่ไม่อร่อย เราจึงใช้คำว่าซีน แปลว่า สวยด้วยและรสชาติก็รูปร่างดูดีด้วย และอีกอย่างคือ เข้ากับชื่อของน้องสาว ซีน เหมาะกับที่คุณแม่ทำสวนเองด้วยจึงเหมาะกับชื่อนี้ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลังจากที่เปิดร้าน ไม่ได้ทำการตลาด แต่ลูกค้ามาบอกต่อ และเข้ามาใช้บริการต่อเนื่องและรับรู้ว่า เราทำขนมทุกชิ้นด้วยใจและใช้วัสดุที่ดี ก็เลยกลายเป็นคอนซูเมอร์เขาคุยกันบอกต่อกันจนไม่น่าเชื่อว่า ร้านซีนที่อยากเปิดเล็กๆ ใหญ่ไปเอง คุณพ่อมาเจอว่าเปิดร้านนี้เพราะเราไปออกรายการทีวี พ่อดู พ่อก็บอกว่าร้านของลื้อใช่มั๊ย เขารับรู้ตอนที่เราประสบความสำเร็จแล้ว เขาก็ภูมิใจ” ช่วงสถานการณ์โควิด ยอดพุ่งสวนกระแส ดูจะเป็นการสวนกระแสต่อธุรกิจอื่น ๆ ที่เจอสถานการณ์โควิด – 19 ต่างเจ็บตัวกันไปตามๆ แต่สำหรับธุรกิจของสองสาวกลับโตต่อเนื่อง “... ซึ่งการทำธุรกิจนี้ ตอนเกิดโควิด คิดว่ายอดจะต้องตก แต่ที่ไหนได้ กลับทำให้ยอดขายโตเกือบเท่าตัว จากที่ไม่เคยมีลูกค้าออนไลน์จนปัจจุบันนี้มีลูกค้าอยู่ในออนไลน์สี่หมื่นกว่าคน ที่คอยซื้อขนมของเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้ถึงจุดหนึ่งที่ต้องมาเปิด Scene Bangkok .... ความฝันของไม้คือ อยากเข้าตลาดหลักทรัพย์ เราเป็นคนคิดใหญ่และเป้าสูง น้องสาวเป็นหมอฟันไม่ได้เกี่ยวเลย ทำอาหารไม่เป็นเลย แต่น้องช่วยเช่นส่วนหนึ่งน้องชอบงานด้านศิลปะ จะสเก็ตซ์ภาพเบเกอรี่จากความคิด เพื่อให้เชฟทำตามที่เราออกแบบไว้” อาณาจักร Scene Bangkok บนเนื้อที่ 5 ไร่ แต่การทำธุรกิจด้านเบเกอรี่ที่ขยายใหญ่จนกลายเป็นอาณาจักรที่มีเนื้อที่ถึง 5 ไร่นี้ ผ่านกระบวนการคิดตรึกตรองอยู่นานหลายปี ก่อนจะตัดสินใจลงทุน คุณลูกไม้ เล่าต่อว่า โปรเจคนี้ ผ่านกระบวนการคิดอยู่หลายปีมาก เพราะลงทุนสูงสเกลใหญ่ขึ้น คือจริงๆ ร้านนี้เราถูกบังคับให้เปิดเพราะว่าที่ผ่านมาครัวเราไม่ใหญ่พอ คุณซีน – ดุสิตา เสริม.... ร้านที่พุทธมณฑลสายสอง บางวันแค่บ่ายของก็หมดแล้ว ไม่พอ ที่เก็บไม่พอ เราอยากขยายตัวด้วยจึงหาทำเล ใกล้บ้าน จนมาเจอที่นี่ซึ่งเดินทางสะดวก ตั้งอยู่ริมถนนพื้นที่ห้าไร่ มีที่จอดรถ มีครัวใหญ่ จะมีหน้าร้าน พอเราทำสเกลใหญ่เก็เอาปัญหาทั้งหมดที่เจอมาปรับ ลูกค้าอยากได้อาหาร อาหารเช้า เครื่องดื่ม ร้านนี้จึงครบองค์ทั้งหมด ครบวงจร ... อยากให้ทุกคนที่มาที่นี่ มาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย จากคำว่า seen เดิมเปลี่ยนให้เป็น scene เป็นเหมือนฉากใหม่ของชีวิตเราที่ใหญ่ขึ้น ... และสองก็คือ อยากให้ scene Bangkok เข้าไปอยู่ในโมเมนต์ที่มีความสุขของทุกคน อยากไปอยู่ในทุกโมเมนต์ของลูกค้า เราเห็นลูกค้าในทุกรูปแบบ อกหักมานั่งปรับทุกข์ร้องไห้อยู่ในร้านกับเพื่อน ลูกค้าบางคนมาจีบกันที่ร้านจนปัจจุบันแต่งงานกันไปแล้ว เลยรู้สึกว่าเป็นโมเมนต์ที่มีค่า ....เราอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาของทุกคน
เป้าหมายต่อไปของธุรกิจ และเมื่อถามถึงก้าวต่อไปของธุรกิจความอร่อยจากร้าน Scene Bangkok อีกไม่นานมาตรฐานความอร่อยระดับพรีเมี่ยมจะกระจายไปตามจุดต่างๆในกรุงเทพมหานคร ในรูปแบบร้านไซส์ขนาดใหญ่ไม่ต่ำกว่า 4 สาขาและ Shop ขนาดเล็กอีกไม่ต่ำกว่า 50 ช็อป คุณลูกไม้ กล่าวต่อว่า มีติดต่อมาเยอะ แต่เราจะใช้เวลาในการคิดโปรดักส์ช้า เพราะจะใส่ใจทุกขั้นตอน อยากให้ลูกค้ามั่นใจว่า อาหารที่ออกมามีคุณภาพและความอร่อย จะโฟกัสที่ตัวสินค้าเป็นหลัก สำหรับแพลนธุรกิจของทาง ร้าน Scene Bangkok คือ การเปิดสาขาขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 4 สาขาและ shop ขนาดเล็กๆ กำลังตกผลึกว่าจะเป็นรูปแบบแฟรนไชส์หรือทำเอง ซึ่งสินค้ายังคงความเป็นระดับพรีเมี่ยมอยู่ โดยตั้งเป้า 50 ช็อป สำหรับครัวขนาดใหญ่ของ Scene Bangkok ปัจจุบันพร้อมแล้วในกำลังผลิต สำหรับการรองรับการเติบโตของธุรกิจเบเกอรี่ขนาดใหญ่ได้ไม่น้อยกว่า 20 สาขา โดยใช้ที่สถานที่แห่งนี้เป็นฐานการผลิตออกสู่ตลาดเพื่อประสิทธิภาพของการควบคุมคุณภาพ “..... ถ้าเปรียบเทียบกับเบเกอรี่พรีเมี่ยม ไม่มีใครกล้าบ้าลงทุนเหมือนเรา ส่วนมากก็เป็นโฮมมี่กับสเกลใหญ่อุตสาหกรรมไปเลย แต่นี่คือครัวบ้าน ๆ ที่ใหญ่มาก” สองพี่น้องกล่าวในตอนท้าย ... ที่นี่จึงไม่ใช่เพียงร้านอาหาร... ไม่ใช่ โรงงานทำขนม แต่ที่นี่คือสถานที่ที่บ่งบอกถึงความฝัน แรงบันดาลใจที่ทำให้ใครหลายคนที่มีฝันและพร้อมจะทะยานไปสู่ความสำเร็จด้วยความตั้งใจ..ความรักและ...ความเพียร .... การเป็นคนคิดใหญ่... เป้าสูง ไม่ไกลเกินเอื้อม .... ดังเช่นอาณาจักรของสองพี่น้อง ตระกูล “อนุวัติเมธี” ที่ถูกรังสรรขึ้นจากการดีไซน์ชีวิตของพวกเธอเอง __________ และสำหรับใครที่กำลังมองหาร้านที่มีอาหารอร่อยระดับพรีเมี่ยม ต้องไม่พลาด ในช่วงนี้ ทางร้านจัดโปรโมชั่นที่กำลังเป็นที่กล่าวถึง เรียกว่า ฮอต ฮิตสุดของร้านคือ All You can eat 999 บาท และ 1999 บาท ทานกันไม่อั้น หลากหลายเมนูที่ล้วนแล้วแต่น่าทาน ด้วยคุณภาพพรีเมียม
สถานที่ตั้ง Scene Bangkok ถนนพรานนก- พุทธมณฑล (ตัดใหม่) สามารถเดินทางจากสะพานสาทร หรือทาง โรงพยาบาลศิริราช ได้สะดวก เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.00 – 23.00 น. (แต่ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเวลาของการเริ่มเปิดบริการ ยังคงเปิดให้บริการถึง 21.00 น. เท่านั้น) ติดต่อ Scene Bangkok โทร 095 992 9715 Facebook/Scenebangkok.th