กรมการท่องเที่ยวเร่งดำเนินคดีเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
กรมการท่องเที่ยวเร่งดำเนินการ 3 คดี หลอกลวงเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ทั้งกรณีทิ้งนักท่องเที่ยวจีน ที่จังหวัดพังงา ลอยแพ 25 คนไทยที่จ่ายเงินกับทัวร์เถื่อนแล้วไม่ได้ไปรัสเซียถูกทิ้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และจัดอบรมไกด์ให้ขายสินค้าด้อยคุณภาพ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ นางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์นี้มีกรณีหลอกลวงนักท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยวจึงได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบติดตามผล เพื่อดำเนินคดีที่ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ. ศ.2551 ต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก สำหรับกรณีแรก กรมการท่องเที่ยวร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ได้เข้าตรวจค้นบริษัท ซิน ซิง ทราเวล จำกัด ใบอนุญาตเลขที่ 14/01897 สืบเนื่องจากมัคคุเทศก์ของบริษัทดังกล่าวได้ทิ้งลูกทัวร์ที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนที่ จ.พังงา เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค.2560 โดยกรณีของมัคคุเทศก์ที่ทิ้งลูกทัวร์มีความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่และใช้บุคคลอื่นทำหน้าที่แทนตน (sitting guide) มีบทลงโทษพักใช้ใบอนุญาตและจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่มีการใช้คนจีนเป็นไกด์เถื่อนมาทำหน้าที่แทน เป็นความผิดฐานมัคคุเทศก์เถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้น จากการไปตรวจสำนักงานของ บริษัท ซินซิง ทราเวล จำกัด ซึ่งจดทะเบียนกับกรมการท่องเที่ยวถูกต้อง แต่กระทำผิดจากกรณีดังกล่าว จึงอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดี มีโทษพักใช้ใบอนุญาต ระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนกรณีที่สอง ในวันที่ 4 พ.ค.2560 กรมการท่องเที่ยวร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการจับกุมนายเจษฎา หงส์หิน ในข้อหาประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาตและฉ้อโกง จากการที่ผู้ต้องหาได้หลอกลวง โดยจัดทัวร์นำนักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 25 คน มีกำหนดเดินทางไปประเทศรัสเซีย ช่วงเช้าวัน 4 พ.ค.2560 แต่ไม่ชำระค่าตั๋วเครื่องบินและไม่ได้ติดต่อบริษัทนำเที่ยวปลายทางไว้ให้ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางไปรัสเซียได้จริง ในกรณีนี้ นายเจษฎา หงส์หิน มีความผิดฐานประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนประชาชนที่จะซื้อแพ็จเกจทัวร์ ขอให้ตรวจสอบเลขที่ใบอนุญาตบริษัทนำเที่ยว กับกรมการท่องเที่ยวก่อนจ่ายเงินทุกครั้ง ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ผู้ขายทัวร์ไม่มีทั้งบัตรมัคคุเทศก์ และไม่ได้เป็นบริษัทนำเที่ยวด้วย และกรณีที่ 3 กรมการท่องเที่ยว ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เชิญมัคคุเทศก์จำนวน 58 คน ที่เข้าร่วมการอบรมเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2560 ที่โรงแรมแจสโซเทล มาให้ถ้อยคำเพื่อประกอบการดำเนินคดี เนื่องจากมีการจัดอบรมการขายสิ่งของและให้ข้อมูลที่อาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม จึงทำให้มีมัคคุเทศก์ที่จดทะเบียนและปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องอีกกลุ่มหนึ่งประมาณ 50 คน มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการดังกล่าว และขอให้เร่งปราบปรามมัคคุเทศก์เถื่อนด้วย