คุยกับ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์”
รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ หลังประสบความสำเร็จมากมายกับการเปิดตัวโครงการ “เรียนจบ พบงาน” ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ณ บริเวณลานด้านหน้ามูลนิธิควง อภัยวงศ์ เมื่อวันก่อน โดยมีแอพพลิเคชั่นเชื่อมโยงงาน/ที่ฝึกงานและการยกระดับทักษะอาชีพให้สอดคล้องกับยุค Digital Transformation ได้ง่าย ๆ ผ่าน “@DemTum” ฝ่าวิกฤติคนไทยตกงาน ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายหลักของทีมเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การกุมบังเหียนของหัวหน้าทีมอย่าง “นายปริญญ์ พานิชภักดิ์” โครงการ “Democrat เรียนจบ พบงาน” มูลนิธิควง อภัยวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่ เปิดบ้านให้การต้อนรับ สื่อมวลชนเพื่อสอบถามถึง โครงการต่าง ๆ จากแนวนโยบายหลักของทีม ทั้งที่ผ่านมาและกำลังจะเกิดขึ้น ในบรรยากาศสบายๆ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เริ่มเล่าให้กับเราฟังว่า ... จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่มีจำนวนผู้ว่างงานในไทยมากกว่า 4 แสนราย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปีนั้น เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาของตลาดงานยุคเก่าที่ประสบผลกระทบจากยุคของ Digital Transformation การจัดโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สังคมที่นักศึกษาในปัจจุบันที่เรียนจบแล้วตกงาน มากกว่าที่จะหางานทำได้ ปัจจัยการตกงานมาจากหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนไป หุ่นยนต์มาแย่งงานคนเยอะมาก และงานก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก อีกทั้งนายจ้างก็มีวิธีการจ้างคนแบบใหม่ ลักษณะที่จ้างคนก็เปลี่ยนแปลงไป บางทีนักศึกษาที่เรียนเก่งวิชาการแค่ไหน บางทีไม่มีการเรียนรู้ ไม่มีประสบการณ์จริง ไม่มีการฝึกงานก็จะหางานไม่ได้ เพราะฉะนั้น โครงการ เรียนจบ พบงาน เราตั้งใจที่จะให้นักศึกษาที่ขวนขวายที่จะฝึกงานในช่วงปิดเทอม หรือเรียนอยู่แต่มีเวลาในการทำงานพาร์ทไทม์ได้ หรือแม้กระทั่งคนที่เรียนจบแล้ว ก็สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เพราะโครงการนี้จะแมทช์สำหรับคนที่หางาน หรือหาพื้นที่ฝึกงานกับบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจหรือรัฐ ที่พร้อมจะรับเด็กเข้าไปช่วยเทรนด์ กระบวนการฝึกงานนี้ก็จะมีโครงการช่วยสอนสมรรถนะที่โลกยุคใหม่ต้องการ เช่นเรื่องภาษา การตลาด แขนงงานด้านกม. อยากให้ความสำคัญตรงนี้ ทุกคนทราบดีว่าเศรษฐกิจปีนี้ค่อนข้างยากและฝืด แต่งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข ทางทีมเศรษฐกิจคิดว่า หากต้องการจะหางานก็อยากให้โครงการนี้เป็นหนึ่งในตัวช่วยขับเคลื่อนให้ปัญหาปากท้องได้เบาลงบ้าง การตั้งเป้า ....ส่วนเรื่องของการตั้งเป้าหมายในการช่วยแก้ไขปัญหาการตกงานนั้น นายปริญญ์ กล่าวต่อว่า เราหวังว่าจะสร้างงาน 100,000 ตำแหน่ง โดยได้พูดคุยกับเอกชนหลายพันบริษัท บริษัทใหญ่ๆ ที่เข้ามาร่วมกับโครงการ 100 กว่าบริษัท เช่นกลุ่ม เซ็นทรัล กลุ่มสยามพิวรรธน์ จำกัด กลุ่มสยามพารากอน ไอคอนสยาม หัวเหว่ย กลุ่มปตท. กลุ่มซีพี ทรู แม้กระทั่ง กลุ่ม SME ที่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ทางด้าน บล็อกเชน เหล่านี้พร้อมและมีพื้นที่ที่จะให้นักศึกษาเข้าไปฝึกงานได้ หรือแม้กระทั่ง ทำไมหุ่นยนต์มาแล้ว งานอะไรที่เหลืออยู่ที่หุ่นยนต์จะไม่แย่งงานจากคน งานที่ต้องใช้หัวใจมากพอๆ หรือมากกว่างานใช้สมอง งานเหล่านี้เราดึงเอาคนในการสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นพี่อุ๋ย - นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้สร้างหนังพันล้าน ที่มาเล่าให้ฟังถึงงานในวงการโฆษณา ด้านมีเดีย คนในวงการบันเทิง คุณเมย์ จากอาฟเตอร์ยู เจ้าของร้านขนมหวาน นักธุรกิจยุคใหม่ที่สร้างแบรนด์ให้ติดตลาดได้ขนาดนี้เป็นอย่างไร ตู่ - ภพธร มาเล่าให้ฟังถึงความเป็นศิลปิน ล้มลุกคลุกคลานอย่างไร จนกระทั่งประสบความสำเร็จ มีคนจากหลากหลายวิชาชีพ เจ้าของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น หลายๆ คนที่จะเข้ามาพบปะเพื่อให้น้อง ๆ ได้เห็นว่า หากตั้งใจและมีความกระตือรือร้นก็จะไม่ตกงาน ซึ่งโครงการดังกล่าว จะมีการดำเนินต่อเนื่องไปทั่วประเทศ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ย้ำว่า “โครงการ เรียนจบ พบงาน ใครสนใจ @DemTum’ สามารถแอดเป็นเฟรนด์แล้วกรอกข้อมูลได้เลยเพื่อเข้าร่วมโครงการ ก้าวต่อไปคือจะมีการโร้ดโชว์ไปหลายมหาวิทยาลัยและในต่างจังหวัดด้วย เพื่อนำบริษัทที่เกี่ยวข้องกับแขนงนั้น ๆ เข้าไป แนวนโยบายหลักใหม่ของทีมเศรษฐกิจทันสมัย หัวหน้าทีม กล่าวเพิ่มเติมว่า “นโยบายหลักใหม่ของทีมเศรษฐกิจทันสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ คือ หนึ่ง สร้างคน ในที่นี้คือสร้างงาน เราเชื่อว่างานยุคใหม่เปลี่ยนไปแล้ว ต้องสร้างแรงงานฝีมือหรือสร้างคนยุคใหม่ การเพิ่มรายได้ที่สุด เป้าหมายแรกของทีมเศรษฐกิจคือ นำเบ็ดไปให้เขาใช้ และตกปลากินเองได้ เราจะไม่เดินไปแล้วแจกเงิน ไม่ยกปลาให้ฟรีไม่เอา เราให้เบ็ด เพื่อให้เขาไปปรับได้เอง เราจะช่วยกระบวนการนี้ สอง เรื่องการติดอาวุธให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ พูดง่ายๆ คือสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสตาร์ทอัพ กับเอสเอ็มอี ให้คนตัวเล็ก แข่งขันได้กับคนตัวใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น ให้เขาสามารถ Scale up ได้ กระโดดขึ้นมาเป็นระดับกลาง ระดับใหญ่ได้อย่างถูกต้อง สตาร์ทอัพบางทีขาดความรู้ด้านบัญชี ด้านกฎหมาย ด้านการตลาด ด้านออนไลน์ ด้านการต่างประเทศ เราจะเอาคนที่มีอาวุธ มาติดอาวุธให้เขา เป็นที่มาที่ไปว่าทำไมจึงนำคนที่มีความรู้มีประสบการณ์ที่หลากหลายเข้ามา การทำงานของทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เราทำงานเชื่อมโยงกับ 6 กระทรวง 7 รัฐมนตรี โดยเฉพาะกระทรวงที่มีรัฐมนตรีว่าการฯ กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพม. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงคมนาคม แต่ละกระทรวง เราจะเข้าไปช่วยทำนโยบาย เรื่องที่สามคือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีทันสมัย บล็อกเชน ใช้ได้หลายกระทรวง เช่นทำเรื่อง ยัง สมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ที่กระทรวงเกษตรฯ นำคนเข้าไปช่วยเทรนด์ เป็นสมาร์ท วิลเลจ คือแปลงชุมชนพื้นที่นา มีตัวเลขคำนวณ โดยใช้งานบริษัท Ricult เขาจะมางานวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เจ้าของบริษัท Ricult เขาเป็นสตาร์ทอัพด้านเกษตรกรที่ทำด้านบิ๊กดาต้า นำข้อมูลมาใช้ดูว่าพื้นที่ไหนปลูกอะไร ขาดน้ำหรืออย่างไร สามารถพยากรณ์ได้เลย และเวิร์คข้อมูลได้ ปีนี้เราจะนำทีม วันสต๊อปช็อปกระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลงไปเทรนด์ชาวบ้าน รู้ออเดอร์ก่อน ทำการตลาดล่วงหน้า ใช้เทคโนโลยีมาช่วย เป็นสิ่งที่เราจะทำในปีนี้มากขึ้น 1 กพ. วันติดอาวุธให้สตาร์ทอัพ อีกหนึ่งกิจกรรมที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะเกิดขึ้น คือ งานติดอาวุธให้กับนักธุรกิจยุคใหม สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี จะจัดในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นอาชีพที่หลายๆ คนในยุคใหม่ ไขว่คว้าอยากจะเป็นผู้ประกอบการเอง ที่มูลนิธิควง อภัยวงศ์ ติดกับโรงพยาบาลวิชัยยุทธ จะมีนักธุรกิจชื่อดังมาสอนอย่างใกล้ชิด ขาดด้านไหน ด้านการระดมทุน เชิญคุณเต้ ภิรมย์ภักดี เจ้าของสิงห์เวนเจอร์ ทายาทเบียร์สิงห์ เจ้าของร้านอาหาร โอ้กับจู๋ คุณอู๋ ที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมาเล่าให้ฟัง ว่าทำไมถึงติดตลาดขายดี เจ้าของซูเปอร์ริช เจ้าของตลาดค้าเงินตรา ที่มีการแข่งขันสูงมาก เขาแก้ปัญหาอย่างไร รวมไปถึงการติดอาวุธด้านกฎหมาย จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านกฎหมาย ด้านการตลาด ออนไลน์ ช็อปปี้ ลาซาด้า ปัญหาที่ต้องแก้คือ ต้องแก้เรื่องคน ทำอย่างไรที่จะสร้างคนยุคใหม่ที่จะมีงานทำมีรายได้ดีขึ้น ก็คิดโมเดลว่า หนึ่งทำไมคนตกงานเพราะฝีมือไม่ตรงกับงาน ไม่ตรงกับการจ้างงาน จริง ๆ คนจ้างงานหากไปคุยกับบริษัทใหญ่ ๆ เขาขาดคน โดยเฉพาะคนที่แมทช์กับสกิลฝีมือกับที่ต้องการ เรามีวัตถุดิบนักศึกษาทั่วประเทศ โฟกัสมหาวิทยาลัยที่ยังไม่เข้าถึงโอกาส เราจึงเน้นคำว่าโอกาส เพื่อให้โอกาสกับคนที่ไม่ใช่จบมหาวิทยาลัยดังๆ เราไปช่วยอย่างอาชีวะ ราชภัฏฯ ตามต่างจังหวัด แม้กระทั่งคนสูงวัย หน้าที่ของทีมเศรษฐกิจทันสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ เราเลยพยายามคิดหาทางแก้ที่เป็นรูปธรรม ทำงานได้เลย โดยไม่ต้องติดกรอบการเมือง ไม่ต้องติดกรอบภาครัฐหรือเอกชน หน้าที่ของการสร้างคน สร้างแรงงานฝีมือให้กับประเทศไม่ใช่หน้าที่ของภาครัฐ หรือ ภาคเอกชนหรือภาคการเมืองอย่างเดียว เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน สำหรับกิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันงาน นายปริญญ์ เล่าว่า “ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 ตอนเช้าตั้งคอนเซ็ปต์ด้วยการติดอาวุธให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือพูดง่าย คือติดอาวุธให้กับกลุ่มคนตัวเล็กที่เป็นสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี ทำอย่างไรให้แข่งขันและ สเกลอัพได้ ซึ่งไม่ง่ายโดนตัวใหญ่กิน ฝนตกไม่ทั่วฟ้า รวยกระจุกจนกระจาย มีหลายเรื่อง สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี จะแข่งขันกับคนตัวใหญ่อย่างไรได้ก็ต้องมีอาวุธหลายอย่าง เราจัดงานเป็น 2 สเต็ป สเต็ปแรกเป็นการให้กำลังใจให้องค์ความรู้ ถามตอบ ตอนเช้าที่ลานสนามหญ้าด้านหน้ามูลนิธิ ควง อภัยวงศ์ มีสตาร์ทอัพ นักธุรกิจมาฟัง ซึ่งประกาศเปิดรับกลุ่มสตาร์ทอัพทุกคนเข้ามารับฟัง ต้องการทำธุรกิจจริงๆ ซึ่งเรารับทั้งหมด สามารถเข้ามาร่วมงานได้ นำคนมาพูดสร้างแรงบันดาลใจและให้องค์ความรู้ หรือผู้หญิงแกร่งด้าน ADDA สำนักงานพัฒนาการธุรกรรมทางอิเล็คโทรนิคส์ คนรุ่นใหม่ไม่ได้จำกัดที่วัยวุฒิ แต่คุณกล้าที่จะเปิดใจและรับสิ่งใหม่ๆ และใช้มันให้เป็นประโยชน์ต่อยอดรายได้ มีภาครัฐมา ท่านรองนายกฯ จุลินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ มาเปิดงาน หลังจากนั้นก่อนเที่ยงจะย้ายขึ้นไปยังห้องด้านบนเพื่อทำ Business Matching มีบริษัทฯ ใหญ่ๆ มาออกบูธ เพื่อให้น้องๆ เข้ามาเดินช็อปกันเลยว่า อยากเลือกฝึกงานกับบริษัทฯไหน งานเริ่มตั้งแต่ เวลา 9.00-13.00 น. ลงทะเบียนได้ที่ line id : @prinnp ทักแชตมาจะมีแอดมินคอยช่วยกัน ทั้งที่ผมตอบเองและแอดมินช่วยเหลือกัน นึกถึงศูนย์กลางสตาร์ทอัพ นึกถึง Prinnp คงจะไม่เกินเลยไปกับการทุ่มเทสุดตัวของแม่ทัพใหญ่ ของทีมเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ กับสิ่งที่เขาคาดหวัง “.....เราหวังว่า เราจะเป็นศูนย์กลางของคนที่ต้องการอาวุธด้านธุรกิจ ให้มาที่เรา หรือนึกถึง prinnp ทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ อยากเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี บางทีแต่ละหน่วยงาน อย่าง กระทรวงพาณิชย์ มีสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ ดีป้าของกระทรวงดิจิทัลอเคเดมี่ ก็ไปด้านหนึ่ง กระทรวงอว. ก็สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักนายกฯ ก็ทำสตาร์ทอัพ ทีซีดีซีก็ทำเรื่องสตาร์ทอัพ ก็ไปคนละด้าน ผมจะดึงทั้งหมดนี้มาว่า ใครมีอะไรดีบ้าง จะได้รู้ว่า ไปที่ไหนดีและเร็วสุด คนชอบคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือทีมเศรษฐกิจ หรือในอดีตชอบดีแต่พูดไม่ทำหรือมีแต่คนเดินออกหรือเลือดไหล แต่จริง ๆ คนหล่อ คนสวยก็เดินเข้ามาทำกิจกรรมดีดีที่พรรค คนอย่างบีเอ็นเคสี่สิบแปดมาด้วยใจ ทุกคนที่มาเขาเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีกับพรรคของเราไม่ใช่มีแต่เดินออก คนเข้ามาร่วมกิจกรรมดีดีก็มีมาก เงินก็ซื้อไม่ได้ ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร 73 ปีของพรรคไม่เคยมีแบบนี้ ประวัติศาสตร์ที่กลุ่มคนแบบนี้เข้ามา บางคนบอกว่ายังเป็นไดโนเสาร์ แต่จริง ๆ ไม่ใช่เลย เขาเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่คุณจุลินทร์ ยังกล้าให้ผมมาเป็นรองหัวหน้าพรรค ฯ คนแรกที่ในประวัติศาสตร์ประชาธิปัตย์ที่จากเอกชนโดดเข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรคฯ ผมเป็นคนแรกที่เป็นแบบนั้นและทางพรรคให้อิสรภาพในการทำงานเต็มที่ ถ้าคุณขยันทำงานและไม่โกงกิน ทำงานให้เต็มที่ เราก็ทำงานเต็มที่ได้ คณะกรรมการ 10 กว่าคนในทีมเศรษฐกิจ มิติใหม่ของการเมืองของเราคือ เรานำคนที่ไม่ใช่นักการเมืองเข้ามาอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วยมากขึ้น เราดึงคนที่มีกูรูความรู้แต่ละด้านเข้ามาช่วย ด้านเมืองจีน ก็มีรศ.ดร.อักษรศรี พาณิชย์สาม ด้านพลังงานสีเขียว คุณอรรถ เหมวิจิตรพันธ์ จากเชลล์ คุณหนึ่งปรมินทร์ อินโสม คนที่เขียน เรื่องบล็อกเชนคนแรก เราเชิญคนที่เก่งแต่ละสาขาเข้ามาอยู่ ในยคนี้ คุณเก่ง ข้ามาคนเดียวไม่ได้แล้ว โมเดลของเรา .....ถ้าใครสนใจ ติดต่อสาขาพรรค หรือไลน์ไอดีนี้เลย ....” นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวท้ายสุด