“จุติ” ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วมพิษณุโลก สั่งเร่งเยียวยาทุกจังหวัด
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2562 เวลา 20.00 น. ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยประชุมร่วมกับนายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในการนี้ นางปัทมา อินทร์ชู พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด พม. พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมประชุมรับข้อสั่งการต่างๆ ด้วย ด้านสถานการณ์ในเบื้องต้น พบว่าพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกประสบภัยน้ำท่วม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เนินมะปราง อ.วังทอง อ.ชาติตระการ อ.นครไทยและ อ.บางกระทุ่ม ซึ่งอำเภอที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือ อ.วังทอง เนื่องจากมวลน้ำยังคงท่วมหนักในหลายพื้นที่ มีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1,000 หลังคาเรือน นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกได้รายงานว่า ขณะนี้ได้เร่งจัดหาอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่ม เครื่องอุปโภคบริโภคนำส่งในพื้นที่ประสบภัย และลำเลียงผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่ ตลอดจนจัดหน่วยแพทย์ให้บริการรักษาโรคอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งทางโรงเรียนได้ปิดการเรียนการสอน โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ ประชาชนเข้าถึงการบริการด้วยความยากลำบาก ซึ่งทางจังหวัดพิษณุโลกจะได้เร่งสำรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ทันเวลา นายจุติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา)ได้แสดงความเป็นห่วงและสั่งการให้มีการดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมในการเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน จำนวน 14 จังหวัด ทั้งนี้ ตนจึงได้เดินทางมาดูแลช่วยเหลือพื้นที่ จ.พิษณุโลก จ.พิจิตร และ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งทางกระทรวง พม. จะเข้ามาเสริมความช่วยเหลือทางด้านโรงครัวเพื่อเป็น เสบียงอาหารสำหรับประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม และพร้อมเร่งเปิดศูนย์พักพิงที่สังกัดกระทรวง พม. ในพื้นที่จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมทุกแห่ง อีกทั้งร่วมประเมินความเสียหายและเยียวยาประชาชนที่มีประสบปัญหาน้ำท่วม และจะรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ต่อไป นายจุติ กล่าวอีกว่า สำหรับการเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเร่งด่วนในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนได้รับการบรรเทาทุกข์และอยู่ได้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ และเด็ก ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวง พม. โดยตรง ส่วนผู้สูงอายุบางรายที่ไม่ยอมออกจากบ้าน เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สิน ในเบื้องต้น จะมีการระดมนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ อพม. ในพื้นที่ถ่ายรูปสภาพความเสียหายของผู้ประสบภัยน้ำท่วมไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงสิทธิสวัสดิการสังคมในการขอรับการเยียวยาให้กับเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึงการซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย หรือหากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ ขอให้แจ้งมายังสายด่วน พม. โทร. 1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง โอกาสนี้ยังได้แสดงความขอบคุณไปยังทุกภาคส่วนที่เสียสละมีจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลือ"สังคมไทยซึ่งจะอยู่ได้ก็ด้วยการรักกัน ช่วยเหลือกันในยามที่มีทุกข์" นายจุติ กล่าวในตอนท้าย