สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการระบาดทั่วโลก ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบปัญหาดังกล่าว จากการสำรวจขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประเทศไทยเรื่องผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ต่อเด็กและยาวชนในประเทศไทย พบว่า เด็กและเยาวชนกว่า 8 ใน 10 คน มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเงินของครอบครัว เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อันเป็นผลจากการปิดตัวของธุรกิจต่าง ๆ และการถูกเลิกจ้าง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการว่างงาน หรือมีรายได้จากการทำงานลดลง ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายของครอบครัว ทำให้เด็กและครอบครัวตกอยู่ในภาวะยากลำบาก เกิดภาวะความเครียด บางรายไม่สามารถหาทางออกที่ดีให้กับตนเองได้จากการทะเลาะวิวาทภายในครอบครัวจนถึงสูงสุด คือ คิดทำร้ายบุคคลในครอบครัว และฆ่าตัวตายในที่สุด
นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า กรมกิจการเด็กและเยาวชน ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการกำหนดมาตรการกลไก ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพการคุ้มครองช่วยเหลือและสงเคราะห์เด็กและเยาวชน เล็งเห็นความสำคัญของการป้องกันช่วยเหลือและเยียวยากลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดตามภารกิจ และเพื่อให้การดำเนินการเตรียมรับสถานการณ์การป้องกันการช่วยเหลือและเยียวยากลุ่มเป้าหมายของกรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
กรมกิจการเด็กและเยาวชนจึงมีนโยบายให้บ้านพักเด็กและครอบครัว 77 จังหวัด จัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว (Children , Youth and Family Counseling Center) เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาปัญหาในการเลี้ยงดูบุตรตามช่วงวัย ให้คำปรึกษาผู้ประสบปัญหาในด้านต่าง ๆ เช่น ความรุนแรง การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การถูกเลิกจ้างงาน การว่างงาน การแสวงหาโอกาสในการประกอบอาชีพใหม่ รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการวางแผนการดำเนินชีวิตและดูแลช่วยเหลือ มีกลไกการทำงานโดยเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชน และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เฝ้าระวัง แจ้งเหตุ ให้คำปรึกษา และ ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ผู้ประสบปัญหาที่ต้องการคำแนะนำปรึกษาปัญหาสามารถ Walk in ด้วยตนเอง โทรศัพท์ หรือทางโซเชียลมีเดีย เช่น LINE / Messenger ได้ตลอด 24 ชม. ซึ่งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว (Children , Youth and Family Counseling Center) จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นไป ณ บ้านพักเด็กและครอบครัว 77 จังหวัด ทั่วประเทศ
นางสุภัชชา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ประชาชนไม่สามารถประกอบอาชีพดังเช่นเดิมได้ ส่งผลกระทบให้ครอบครัวเด็ก เยาวชน ไม่มีรายได้เพียงพอการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน กรมกิจการเด็กและเยาวชน จึงได้จัดกิจกรรม “เด็กสภาฯ Market Place” ขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของครอบครัวสภาเด็กและเยาวชน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)
อีกทั้งเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับเด็ก เยาวชน และครอบครัว ผ่านช่างทางออนไลน์ Facebook กลุ่ม“เด็กสภาฯ Market Place” ซึ่งจะแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ และประเภทประชาชนทั่วไปอายุ 25 ปีขึ้นไป ผู้ที่เข้าร่วมกลุ่มสามารถโพสต์ขายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและการบริการ อาทิ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร เครื่องดื่ม ตัดผม ทำเล็บ ล้างรถนอกพื้นที่ หรือจิตอาสาความช่วยเหลือ โดยห้ามจำหน่ายสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย อาทิ ยาเสพติด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยาบำรุงกำลัง อาวุธ สื่อความรุนแรง ฯลฯ
กรมกิจการเด็กและเยาวชน ขอเชิญชวนเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคและการบริการ ผ่านช่างทางออนไลน์ Facebook กลุ่ม“เด็กสภาฯ Market Place” เพื่ออุดหนุนสินค้า การบริการ และส่งเสริมอาชีพของครอบครัวสภาเด็กและเยาวชน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) รวมไปถึงผู้ประสบปัญหาที่ต้องการคำแนะนำปรึกษาปัญหา สามารถติดต่อศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว (Children Youth and Family Counseling Center) ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว 77 จังหวัด ได้ตลอด 24 ชม. (เบอร์โทรศัพท์ 77 จังหวัด ตามลิงค์นี้ http://intranet.dcy.go.th/m/parent.php ) นางสุภัชชา กล่าวทิ้งท้าย
Post Views: 42