ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี คาดบริโภคเอกชนปี 61 ทรงตัว สวนกระแสการส่งออกเติบโตต่อเนื่อง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนปี 2561 มีแนวโน้มทรงตัวโดยขยายตัวได้ 3.2% เนื่องจากปัจจัยหนุนการบริโภคที่ไม่ได้ปรับดีขึ้นจากปีนี้มากนัก ทั้งการส่งออกที่แม้จะขยายตัวดีแต่มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นส่วนมากมาจากบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งมีสัดส่วนการจ้างงานน้อย ทำให้การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ในวงจำกัด อีกทั้ง ราคาสินค้าเกษตรก็คาดว่าจะทรงตัวในปีหน้า การส่งออกที่เติบโตดีต่อเนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ขยายตัวดี โดย 9 เดือนที่ผ่านมาขยายตัวรวมกว่า 9.3% และคาดว่าจะขยายตัวได้รวม 6-8% ในปีนี้ ถือเป็นการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมูลค่าการส่งออกเกือบ 90% มาจากบริษัทใหญ่ มีเพียง 10% เท่านั้นที่มาจาก SMEs แต่หากพิจารณาสัดส่วนการจ้างงาน จะพบว่าบริษัทใหญ่มีสัดส่วนการจ้างงานเพียง 13% ของการจ้างงานทั้งระบบ ทำให้แรงงานส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการส่งออกที่ขยายตัวดี ในขณะที่การจ้างงานส่วนใหญ่อยู่ใน SMEs และภาคเกษตร โดยมีสัดส่วน 55% และ 32% ตามลำดับ แต่ความสามารถในการแข่งขันและผลิตภาพการผลิต (Productivity) ของ SMEs ไทยยังด้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ค่อนข้างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับ SMEs ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศอังกฤษ ที่มีสัดส่วนการจ้างงานโดย SMEs ใกล้เคียงกับประเทศไทย คือประมาณ 53% ของการจ้างงานทั้งหมด แต่มีผลผลิตคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 51% ของผลผลิตทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่ SMEs ไทย กลับมีสัดส่วนผลผลิตเพียง 36-37% ของผลผลิตรวมเท่านั้น นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรที่คาดว่าจะทรงตัวในปีหน้าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คาดว่าการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนในปีหน้าจะใกล้เคียงกับในปีนี้ เนื่องจากแรงงานกว่า 32% ในประเทศไทยอยู่ในภาคเกษตร กำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงขึ้นอยู่กับราคาสินค้าเกษตรเป็นหลัก แต่สินค้าเกษตรที่เป็นพืชเศรษฐกิจของไทย เช่น ข้าว อ้อย ยางพารา และมันสำปะหลัง กลับมีปัญหาการกระจุกตัวของตลาดส่งออก ทำให้ราคามีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก ยกตัวอย่างเช่น มันสำปะหลัง ที่ส่งออกไปจีนกว่า 70% แต่ความต้องการจากจีนชะลอตัวลงจากการเปลี่ยนนโยบายบริหารราคาสินค้าเกษตรตั้งแต่ปลายปี 2558 ราคาจึงลดลงจาก 2.1 บาทต่อกิโลกรัมตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558 เหลือเพียง 1.3 บาทต่อกิโลกรัมในปัจจุบัน โดย ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าในปี 2561 ราคาสินค้าเกษตรหลักในปีหน้าจะไม่เปลี่ยนแปลงจากปีนี้มาก ถึงแม้ราคายางพาราและปาล์มจะมีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ราคาอ้อยคาดว่าจะลดลง ในขณะที่ข้าวและมันสำปะหลังมีแนวโน้มทรงตัว เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีแบบกระจุกตัวอยู่ที่บริษัทใหญ่ซึ่งจ้างแรงงานไม่มาก ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังมีแนวโน้มทรงตัว ทำให้คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปี 2561 จะขยายตัวที่ 3.2% ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2560 ที่ประเมินไว้ที่ 3.1% ดังนั้น การเร่งพัฒนาบุคคลากรและแรงงานเพื่อช่วยยกระดับค่าจ้างแรงงานและเพิ่มกำลังซื้อในระยะยาว การปรับปรุงกระบวนการการผลิตให้มีประสิทธิภาพและใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าของผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs และภาคเกษตร เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ รวมทั้งการกระจายตลาดส่งออกเพื่อไม่ให้ราคาสินค้าเกษตรถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนในระยะยาว