โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ลงนามข้อตกลงบริหาร รีสอร์ทแห่งที่ 4 ในมัลดีฟส์
กรุงเทพฯ – โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ผู้นำอุตสาหกรรมด้านการบริการชั้นนำของประเทศไทย ร่วมลงนามข้อตกลงบริหารรีสอร์ทแห่งที่ 4 ในมัลดีฟส์ กับ บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด และ บริษัท เวลล์ แลนด์ อินเวสเมนท์ พีวีที จำกัด ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์”
เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ ถือเป็นโครงการภายใต้การบริหารของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่เกาะบาเอโทลล์ ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ ราว 123 กิโลเมตร โดยรีสอร์ทแห่งใหม่นี้จะมีห้องพักแบบวิลลาบนหาด จำนวน 24 ห้อง และห้องพักแบบวิลลากลางน้ำ จำนวน 77 ห้อง เพียบพร้อมด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน อาทิ ห้องอาหารนานาชาติ ห้องอาหารใต้น้ำ โรงภาพยนตร์ลอยน้ำ สปาแบรนด์ไทยระดับรางวัล ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยจะเปิดให้บริการเบื้องต้นในช่วงปลายปี 2561 และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2562
ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า “พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเลือกจาก บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด ให้เป็นผู้บริหารจัดการรีสอร์ทระดับ 5 ดาวแห่งใหม่ในประเทศมัลดีฟส์ และพวกเราเชื่อว่า เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ จะเป็นรีสอร์ทที่ช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เซ็นทาราแกรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับลักชัวรี่ของเราในภูมิภาคนี้ได้อย่างดี ซึ่งการขยายธุรกิจในมัลดีฟส์ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเซ็นทาราทั้งในระดับภูมิภาคเอเชียและในระดับสากล”
มูฮัมหมัด อามีน ผู้อำนวยการ บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “ทางบริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด มีความปลื้มปิติเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ในการบริหารจัดการเซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ แห่งใหม่ เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ทำงานร่วมกับหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมการบริการที่มีชื่อเสียงของไทยอย่างเซ็นทารา เรายังสามารถเชื่อมั่นได้ถึงความสำเร็จอันยาวนานของเซ็นทาราในการดำเนินการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วโลก”
จิน ช่าย กรรมการบริหาร บริษัท ไชน่า โอเรียนท์ แมเนจเมนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ จำกัด หนึ่งใน ผู้ลงทุนของ บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด กล่าวว่า “พวกเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือในระดับสากล ระหว่างโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กับ บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด นอกจากนี้ เรายังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมลงทุนในโครงการ เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ อันจะเป็นจุดหมายที่น่าตื่นเต้นแห่งใหม่ของมัลดีฟส์”
เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์ เป็นการร่วมมือจากบริษัท อวิสต้า แอสเสท แมเนจเมนท์ พีทีอี จำกัด บริษัทเพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและคัดเลือก คู่ค้าที่มีศักยภาพในการร่วมทุน นำไปสู่การร่วมมือกันของ บริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด, บริษัท ไชน่า โอเรียนท์ แมเนจเมนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ จำกัด และโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา
ทั้งนี้ บริษัท อวิสต้า แอสเสท แมเนจเมนท์ พีทีอี จำกัด ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พัฒนาและจัดการสินทรัพย์ของโครงการนี้โดยบริษัท มูตาฟูชิ โอเรียนท์ อินเวสเมนท์ จำกัด อีกทั้งยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนทั้งหมดและทำหน้าที่พัฒนาด้านการบริหาร รวมถึงการจัดการด้านสินทรัพย์ของ เซ็นทารา แกรนด์ มูตาฟูชิ รีสอร์ทและสปา มัลดีฟส์
หมู่เกาะบาเอโทลล์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Southern Maalhosmadulu Atoll อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติมาเล่ราว 123 กิโลเมตร หมู่เกาะบาเอโทลล์ ประกอบด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ถึง 75 เกาะ เรียงรายอยู่รอบ 3 เกาะหลัก โดยบาเอโทลล์นี้เป็นแหล่งชีวภาพทางทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียใต้ อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในเดือนมิถุนายน 2554 หมู่เกาะบาเอโทลล์ จึงเป็นหมู่เกาะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในด้านชีววิทยาและนิเวศวิทยาของประเทศมัลดีฟส์ โดยมีความสวยงามและความรุ่มรวยของธรรมชาติไม่ด้อยไปกว่าแหล่ง ดำน้ำชมปะการังอันน่าตื่นตาตื่นใจในแหล่งอื่นๆ ทั่วโลก
มูตาฟูชิ ลากูน บนหมู่เกาะบาเอโทลล์ ห่างจากสนามบินนานาชาติมาเล่ราว 123 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในเดือนมิถุนายน 2554 จากความหลากหลายทางชีววิทยาใต้ทะเล
Photo Credit: Ahmed Abdul Rahman